วาระสุดท้าย.....ก็ตายอย่างมีค่า
ไกล้ๆบ้าน (อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช) มีเกษตรกรอาวุโสที่นับถือกันผู้หนึ่ง เป็นคนแรกๆที่เป็นเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราพันธุ์ดีแต่จำชื่อพันธุ์ไม่ได้ ตามคำบอกเล่าของผู้ปลูก ยางแปลงนี้ปลูกด้วยเมล็ด ซึ่งตอนนั้น ต้องเดินทางไปรับเมล็ดพันธุ์ที่จังหวัดสงขลา (ผู้ปลูกเคยบอกปี พ.ศ.ด้วย แต่ผู้เขียนจำไม่ได้) ยางพาราแปลงนี้ได้ตัดโค่นปลูกใหม่เป็นสวนผลไม้ไปเมื่อกว่าสิบปีมาแล้ว แต่ใด้เหลือต้นยางพาราไว้กว่าสิบต้นเพื่อระลึกถึงประวัติความเป็นมาต่างๆประมาณนี้ ทุกต้นขนาดโตเกินโอบและทยอยตายไปหลายต้นแล้ว ผู้เขียนชอบเดินไปในบริเวณนี้บ่อยตามที่มีโอกาส เป็นที่อยู่ของพันธุ์ไม้อิงอาศัยหลายชนิด ที่เห็นในภาพซ้ายมือคือกะเรกะร่อนปากเป็ด ต่ำมาหน่อยชิดขอบล่างคือโฮย่าพันธุ์พื้นเมืองที่ดอกสีเหลืองอ่อนๆ ซึ่งในแถบนี้มีมากเสียจนรู้สึกว่าเป็นวัชพืชไปแล้ว ภาพขวามือบริเวณโคนต้นมีเห็ดขึ้น
ต้นนี้กำลังจะตาย แต่เนื้อไม้ยังมีมูลค่า ราคารับซื้อที่หน้าโรงเลื่อยตอนนี้ประมาณ 2,000.-/ตัน ต้นนี้เจ้าของตกลงราคากับผู้รับซื้อ 2,000.- โดยผู้รับซื้อต้องตัดโค่นและขนส่งเอง แต่การจะล้มต้นไม้ขนาดนี้ซึ่งมีขนาดสูงใหญ่และมีกิ่งก้านสาขามาก การบังคับทิศทางเพื่อให้ไปในทางที่ต้องการเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายกับไม้ต้นอื่นไม่ใช่เรื่องง่ายมาดูวิธีกันครับ
ตัวช่วยในการบังคับทิศทางให้ไม้ล้มคือใช้เชือกช่วยดึง แต่การจะเอาเชือกไปผูกที่กิ่งสูงๆมีวิธีที่ง่ายกว่าวิธีปีนขึ้นไป คือใช้หนังสติ๊กยิงวัสดุที่มีน้ำหนักที่แรงดีดของยางหนังสติ๊กพอจะส่งไหว (ใช้หัวเทียนเครื่องตัดหญ้า)ผูกกับสายเอ็นเบ็ดตกปลาเนื่องจากทนแรงดึงสูงและน้ำหนักเบา เมื่อยิงสายเอ็นคล้องกับกิ่งยางพาราที่ต้องการได้แล้วก็เอาปลายข้างหนึ่งผูกกับเชือกเส้นใหญ่ดึงขึ้นไปผูกกับกิ่ง ดึงปลายเชือกอีกด้านไปในทางที่ต้องการ
การบากหน้าไม้ ช่วยให้ล้มไปทางที่ต้องการง่ายขึ้น
ขั้นตอนต่อไปใช้เครื่องเลื่อยตัดเฉือนด้านตรงข้ามกับรอยบากและเชือกที่ผูกดึง ต้นไม้ก็จะล้มไปทางที่ต้องการ แต่งานนี้มีพลาด เสียหายเล็กน้อย ที่เห็นมีรอยเส้นดำๆบนหน้าไม้คือร่องรอยแผลกรีดที่กินเนื้อไม้ ซึ่งเป็นตำหนิที่ทำให้ราคาไม้ยางพาราตก
ตัดซอยเป็นท่อนตามความยาวที่โรงงานแปรรูปกำหนดคือ 105 ซม. ต้นนี้ได้น้ำหนักประมาณเกินสามตันเล็กน้อย
- บล็อกของ ธีระชัย_พรหมคีรี
- อ่าน 7418 ครั้ง
ความเห็น
sarunyu
6 กุมภาพันธ์, 2013 - 11:01
Permalink
Re: วาระสุดท้าย.....ก็ตายอย่างมีค่า
ต้นเดียวเต็มรถเลยครับ
ธีระชัย_พรหมคีรี
6 กุมภาพันธ์, 2013 - 18:05
Permalink
Re: วาระสุดท้าย.....ก็ตายอย่างมีค่า
เต็มสองคันครับ
ดีใจที่เกิดมาเป็นคน จึงเลือกที่จะทำและไม่ทำในสิ่งใดๆใด้ดีกว่า
sujiraporn
6 กุมภาพันธ์, 2013 - 11:19
Permalink
Re: วาระสุดท้าย.....ก็ตายอย่างมีค่า
ต้องใช้ภูมิปัญญาในการตัดโค่นจริง ๆ
ใช่ว่ามือเลื่อยทุกคนจะโค่นได้
ธีระชัย_พรหมคีรี
6 กุมภาพันธ์, 2013 - 18:08
Permalink
Re: วาระสุดท้าย.....ก็ตายอย่างมีค่า
ถูกต้องครับ หากคำนวนทิศทางผิดพลาด ความเสียหายที่เกิด ต้องชดใช้กันงอม
ดีใจที่เกิดมาเป็นคน จึงเลือกที่จะทำและไม่ทำในสิ่งใดๆใด้ดีกว่า
Sopha B'
6 กุมภาพันธ์, 2013 - 11:48
Permalink
Re: วาระสุดท้าย.....ก็ตายอย่างมีค่า
ต้นใหญ่จัง นึกถึงตอนล้ม คนดึงวิ่งกันป่าราบ เคยมีประสบการณ์ค่ะ โค่นต้นขนุนหลังบ้าน ปลูกพริกไว้ โดนเหยียบ
ธีระชัย_พรหมคีรี
6 กุมภาพันธ์, 2013 - 18:10
Permalink
Re: วาระสุดท้าย.....ก็ตายอย่างมีค่า
เมื่อไม้เริ่มเอนประมาณแปดสิบองศา ก็แค่หลบออกด้านข้างก็ปลอดภัยครับ
ดีใจที่เกิดมาเป็นคน จึงเลือกที่จะทำและไม่ทำในสิ่งใดๆใด้ดีกว่า
อินเนียร์
6 กุมภาพันธ์, 2013 - 14:41
Permalink
Re: วาระสุดท้าย.....ก็ตายอย่างมีค่า
ขอบคุณที่แบ่งปันเทคนิคการส่งเชือกขึ้นไปบนต้นไม้ครับ ไม้ใหญ่และแก่ได้ขนาดนี้หายากแล้วจริงๆ น่าปลูกไม้ยืนต้นทดแทนนะครับ
ธีระชัย_พรหมคีรี
6 กุมภาพันธ์, 2013 - 18:11
Permalink
Re: วาระสุดท้าย.....ก็ตายอย่างมีค่า
ครับคุณอินเนียร์ เห็นมีปลูก"จำปาทอง"ไว้หลายต้นครับ
ดีใจที่เกิดมาเป็นคน จึงเลือกที่จะทำและไม่ทำในสิ่งใดๆใด้ดีกว่า
สนิทเมืองอุดร
6 กุมภาพันธ์, 2013 - 14:42
Permalink
Re: วาระสุดท้าย.....ก็ตายอย่างมีค่า
ต้นใหญ่มากครับ สุดท้ายก็ก็ยังทรงคุณค่าให้แก่เจ้าของจริงๆครับ
ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงหรือต่ำอยู่ที่ทำตัว
บุคคลจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
ธีระชัย_พรหมคีรี
6 กุมภาพันธ์, 2013 - 18:13
Permalink
Re: วาระสุดท้าย.....ก็ตายอย่างมีค่า
แค่ต้นเดียว ราคาหน้าโรงงานแปรรูป เกินหกพันบาทครับ
ดีใจที่เกิดมาเป็นคน จึงเลือกที่จะทำและไม่ทำในสิ่งใดๆใด้ดีกว่า
หน้า