สิ่งที่เรามักจะนึกเสียใจก่อนเสียชีวิต

หมวดหมู่ของบล็อก: 

    Bronnie Ware ซึ่งเป็นนักเขียนอิสระอยู่ที่ออสเตรเลีย โ ดยนักเขียนผู้นี้เคยทำงานดูแลผู้ป่วยที่รู้ตัวว่าจะเสียชีวิตและกลับไปอยู่ที่บ้านเพื่อรอวันตาย โดยเธอจะอยู่กับผู้ป่วยเหล่านี้ในช่วงสามถึงสิบสองสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิต โดยในช่วงเวลาดังกล่าวเธอได้มีโอกาสพูดคุยและรับฟังความในใจของผู้ป่วยเหล่านี้ เมื่อถามถึงสิ่งที่เสียใจหรือสิ่งใดๆ ก็ตามที่ถ้าทำได้อยากจะย้อนอดีตไปเปลี่ยนแปลงนั้น เธอพบว่ามีอยู่ห้าประเด็นที่มักจะพบในผู้ป่วยที่กำลังใกล้เสียชีวิตเป็นส่วนใหญ่ครับ



ประเด็นแรก ผู้ป่วยเหล่านี้อยากจะมีความกล้าที่จะใช้ชีวิตตามแบบที่ตนเองอยากหรือต้องการจะเป็น ไม่ใช่ดำรงชีวิตตามความต้องการหรือความคาดหวังของผู้อื่น ซึ่งพบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้ป่วยอยากจะเปลี่ยนแปลงมากที่สุดครับ เนื่องจากเมื่อผู้ป่วยพบว่าชีวิตตนเองกำลังจะสูญเสียไปและมีโอกาสมองย้อนกลับไปในอดีตนั้นจะพบว่ามีความฝันหลายๆ อย่างที่ยังไม่ได้เริ่มต้นทำหรือยังไม่บรรลุและเมื่อใกล้จะเสียชีวิตก็จะพบว่าความฝันของตนเองนั้นจะไม่มีวันบรรลุและส่วนใหญ่ก็มักจะมานั่งนึกเสียใจ เพราะสาเหตุที่ไม่สามารถทำตามความฝันได้นั้น เป็นเพราะตัวเองเลือกที่จะไม่ทำเอง ตัวเองเลือกที่จะทำตามสิ่งที่ผู้อื่นขีดเส้นทางให้เดิน


ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับทุกๆ ท่านนะครับที่ในช่วงชีวิตหนึ่ง ถ้ามีโอกาสและเลือกได้ก็ควรจะเดินตามความฝันของตัวท่านเอง เพราะคนเราหนีไม่พ้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย และเมื่อวันนั้นมาถึงเราก็คงจะไม่มีแรงที่จะเดินตามความฝันที่เราต้องการแล้ว การมีสุขภาพที่ดีจะช่วยทำให้ท่านเดินตามความฝันได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่สุขภาพท่านเริ่มแย่แล้วอิสระในการเดินตามฝันก็ท่านก็จะลดน้อยลง

ประเด็นที่สอง ผู้ป่วยใกล้เสียชีวิตเหล่านั้นคิดเสียใจว่าในอดีตจะไม่ได้ทำงานหนักเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยชายเกือบทุกคนเลยครับ คุณผู้ชายเหล่านี้มักจะเสียใจว่าในอดีตที่ผ่านมาไม่ค่อยได้มีเวลาในการดูแลลูกๆ ของตนเท่าที่ควรรวมทั้งไม่ได้อยู่เป็นคู่ทุกข์คู่ยากภรรยาเท่าที่ควร ผู้ป่วยที่เป็นชายเกือบทุกคนจะรู้สึกเสียดายว่าในอดีตใช้และให้เวลากับงานมากเกินไป
• ข้อสังเกตนี้ก็น่าคิดนะครับ ว่าในปัจจุบันเราให้ความสำคัญกับการทำงานมากเกินไปหรือไม่ เราต้องการแสวงหารายได้ ชื่อเสียง เกียรติยศมากเกินไปหรือไม่ สุดท้ายเมื่อเราใกล้ตายเราจะสำนึกเสียใจว่าเราได้พลาดโอกาสดีๆ ในชีวิตที่ไม่มีวันหวนกลับมาหรือไม่ การมีรายได้ที่พอเพียงอาจจะเป็นทางออกสำหรับทุกท่านนะครับอีกทั้งการมีที่ว่างในตารางเวลาและชีวิตที่ไม่ใช่เรื่องของการทำงานเพียงอย่างเดียว จะทำให้เรามีความสุขขึ้นและเมื่อเราใกล้เสียชีวิตจะไม่มานั่งย้อนนึกเสียใจในสิ่งที่เราพลาดไป

ประเด็นที่สาม ผู้ป่วยอยากจะกล้าที่จะแสดงอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของตน เนื่องจากคนจำนวนมากจะปิดกั้นอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของตนเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสงบและสันติ ทำให้สุดท้ายแต่ละคนรู้สึกว่าอารมณ์ของตนเองถูกเก็บกดและไม่สามารถเป็นตัวตนที่แท้จริง

ประเด็นที่สี่ ผู้ป่วยที่ใกล้เสียชีวิตนั้น มักจะเสียใจที่ไม่ได้ติดต่อเพื่อนฝูงเก่าๆ เนื่องจากเรามักจะไม่ค่อยเห็นถึงคุณค่าของเพื่อนเก่าๆ จนกระทั่งใกล้เสียชีวิตคนจำนวนมากจะมัวแต่ยุ่งและวุ่นวายกับชีวิตประจำวันจนละเลยต่อความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนฝูง ทำให้เรามักจะไม่ค่อยให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงต่างๆ จนกระทั่งใกล้จะเสียชีวิต ก็จะเริ่มนึกถึงเพื่อนฝูงขึ้นมา ดูเหมือนว่าเมื่อคนใกล้จะเสียชีวิต เกียรติยศ เงินทอง หรือสถานะทางสังคมต่างๆ กลับดูไปจะด้อยหรือไร้ความหมายนะครับ สุดท้ายดูเหมือนว่า เรื่องของความรักความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจะกลายเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยที่กำลังใกล้ตายนึกถึง

ประเด็นสุดท้าย ซึ่งค่อนข้างน่าแปลกใจ คือ ผู้ป่วยเหล่านี้กลับสำนึกเสียใจว่าไม่ได้ทำให้ชีวิตที่ผ่านมาของตนเองมีความสุขเท่าที่ควร ผู้ป่วยหลายคนจะไม่เคยนึกถึงมาก่อนนะครับว่าตนเองสามารถที่จะเลือกที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขได้ คนจำนวนมากเลือกที่จะอยู่และปฏิบัติในสิ่งที่คุ้นเคย ความกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง ทำให้คนเรามักจะหลอกตนเองว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นมีความสุข ซึ่งจริงๆ แล้วกลับไม่ใช้

ท่านผู้อ่านจะเห็นได้นะครับว่าเมื่อคนเราใกล้จะตายนั้น เรามักจะนึกย้อนกลับไปถึงอดีต และเริ่มสำนึกเสียใจในสิ่งที่ได้ทำหรือไม่ได้ทำมาในอดีต และเราจะพบว่าเมื่อเราใกล้ตายแล้ว เงินทอง ชื่อเสียง สถานะ เกียรติยศต่างๆ กลับไม่มีความหมาย สิ่งที่มีความหมายเมื่อใกล้ตาย คือ เรื่องของความรักและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ซึ่งหลายครั้งกลับกลายเป็นสิ่งที่เราละเลยหรือไม่สนใจในขณะที่เรามีชีวิตอยู่
นอกจากนี้ เมื่อใกล้ตาย คนเราจะพบว่าชีวิตในอดีตที่ผ่านมานั้นเรามีสิทธิที่จะเลือก แต่เราดันเลือกในสิ่งที่ไม่ได้ทำให้เรามีความสุข หรือเลือกในสิ่งที่ทำให้เราต้องมาย้อนสำนึกเสียใจ เมื่อเราใกล้ตาย ดังนั้นในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่และยังแข็งแรง เราจะต้องเลือกอย่างมีสติ เลือกอย่างฉลาด เลือกในสิ่งที่ถูก และเลือกในสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขนะครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/thaiesanradio.australia

ความเห็น

ชีวิตเราๆเลือกได้ เลือกในสิ่งที่ดีต่อตนเองเละครอบครัว บั้นปลายของเราก็เหลือเพียงน้อยนิด ช่วงเวลาทียังเหลืออยู่ก็ทำเป็นตัวอย่างให้ลูกๆเห็น

ขอบคุณผู้ใหญ่โสทรมากครับ  16 ก.พ. 2556  ผมกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ของผมเองคือตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำมา 13 ปี ด้วยความมุ่งมั้นและั้ใจ

หลังจากโลเลมาหลายปี เพราะผมคิดว่าชีวิตเราๆเลือกได้ทำไมไม่เลือก และแล้ววันนี้ผมก็ได้ตัดสินใจเลือกมัน  ขอขอบคุณเวปบ้านสวนพอเพียงที่ทำให้ผมเห็นช่องทางและขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านที่เป็นกำลังใจ ขอบคุณครับ

อัตตาหิ อัตโนนาโถ "ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน"

ยินดีด้วยนะครับ

ผมก็กำลังจะตามไปวันที่ 1 พ.ค. นี้ครับ

ลาออกมา 1 เดือนแล้วเป็นไงบ้างคะ ปรับตัวเข้ากับชีวิตที่แสนอิสระเสรีได้แล้วยัง ถ้าปรับตัวได้แล้วอย่างดิฉันและคนที่บ้าน คุณอนุสรณ์จะรู้ว่าสวรรค์มีจริงค่ะ

ใช่แล้ว   ฉันคิดเสมอ  ทำวันนี้ให้ดีที่สุด    เรื่องความสุข  สำคัญต่อชีวิตตลอดเวลา   เป็นคนที่คิดแบบนี้  มาตลอด

ข้อคิดนี้ดีมากๆ ...เข้ากับ ณี ที่คิดอย่างนี้ตลอดหลังจากได้สูญเสียพ่อของลูกๆไป

คิดเสมอว่า*จงทำวันนี้ให้เสมือนวันสุดท้ายของชีวิต*

ชีวิตจึงมีการวางแผนมากขึ้น ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท

โชคดีทีเดินตามฝันได้อย่างราบรื่น จึงกล่าวได้ว่าถึงจะตายในวันนี้ก็พร้อมจะจากไปอย่างไร้กังวลใดๆ

 

***Sweet pea***

เตือนสติ เตือนใจได้ดีครับ ใครคิดว่ายังหลงทาง เริ่มเดินใหม่ได้

ขอบคุณข้อมูลครับ

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..

 

"ไม่ถึงตัวเองจะไม่รู้สึก" เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
เมื่อทุกคนคิดได้ก็จะทำในสิ่งที่ได้คิดไตร่ตรองดีแล้ว
ความวุ่นวายก็จะลดลง ความสุข ความสงบก็จะเพิ่มขึ้น

ถูกต้องมากเลย  บางข้ออาจจะทำไม่ได้ตลอดชีวิต เพราะบางทีเราลืมคิด หรือกลัวที่จะทำ กลัวการเปลี่ยนแปลง  เช่น ผมไม่กล้าที่ลาออกจากราชการตอนนี้ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง ทั้งๆที่อยากไปทำสวน ทำนา ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ ฯลฯ สรุป ยังมีกิเลสอีกแบบหนึ่งอยู่นั่นเอง

คิดฝันมาตลอดตอนนี้ได้มาครึ่ึงทางแล้ว ส่วนอีกครึ่งไม่รู้จะอีกนานแค่ไหน จะพยายาม

คิดให้แตกต่าง...แต่อย่าแตกแยก

หน้า