คิดถึงทุกคน จริงๆน๊า

หมวดหมู่ของบล็อก: 

คนใต้ว่าเพลงนี้เพราะจ้านเสีย

คนอีสานว่า เพลงอี่หยังมันม่วนอะด้ออะเดี้ย

คนเมืองว่า เพลงอะหยังฟังม่วนขนาด

ทั้งเพิ้นทั้งเพ(ทั้งนี้ทั้งนั้น) ต้องการเอามาเรียกแขกให้มาดู-ชมสิ่งที่"อินเนียร์"มาเขียนมาบอกให้ฟัง เพลงนี้ชื่อ "หยาดเพชร" ขับร้องโดย "ชรินทร์ นันทนาคร" สามีคุณ " เพชรา"(นางเอกยอดนิยมนัยตาหยอดน้ำผึ้งในอดีต) อินเนียร์อยู่ในโลกนี้มานานพอสมควรจึงได้ฟังได้ยินมาเยอะ เพลงนี้เอามาเปิด ให้มีคำว่า "หวานปานน้ำผึ้งเดือน๕"ให้สอดคล้องกับเรื่องที่อินเนียร์จะว่าต่อ ครับ

             ในสวนของอินเนียร์ไม่ค่อยมีอะไรที่่จะเอามาเล่าให้เพื่อนๆฟัง(จริงๆนะครับ) พยายามคิดและมองหาอะไรๆที่พอจะมาเล่าให้พื่อนๆฟัง จึงไม่ค่อยได้เขียนบล๊อกนะครับ เริ่มนะครับ

              อุตส่าห์มีสวนกับเขา ไม่มีอะไรนอกจากมะพร้าวห้าว พยายามมองๆหา ก็ไปเจอของผิดกฏหมายเข้า ไม่ทราบว่ามาอยู่ในสวนได้อย่างไร สงสัยนกคาบมา คนใต้เขาเรียกว่า "กล้วยเถื่อน"

กล้วยเถื่อน

นานๆทีอินเนียร์จะได้เข้าสวนที เข้าไปก็สำรวจดูนั่นนี่ก็เจอของผิดกฏหมายทั้งที่ไม่ได้เอามาไว้ ถัดจากนั้นก็ไปสำรวจต่อ ไปดูน้ำในห้วย ก่อนถึงห้วยก็ผ่านบ่อที่ขุดไว้ เคยบอกไว้ว่าเคยมีผึั้งมาทำรังใต้ฝาบ่อที่ปิดไว้ด้วยกระเบื้องมุงหลังคาเลยเปิดดูเสียหน่อย แง้มดูได้ผลเลย น้องผึ้งมาทำรังอีกแล้วเพิ่งมาเพราะรังยังยังไม่ใหญ่เลยปิดไว้ก่อน ถัดไปประมาณ1เดือนลองมาเปิดดูว่่ายังอยู่หรือย้ายไปแล้ว พอเปิดแง้มก็ได้กลิ่นน้ำผึ้งหอมขึ้นมาเชียว ตอนแง้มก็ไม่แน่ใจว่ายังอยู่หรือเปล่าเพราะไม่เห็นน้องผึ้งอยู่ปากบ่อ ได้ผลครับน้องผึ้งตัวนึงบินเข้ามาต่อย อินเนียร์วิ่งจู๊ดออกไปจากบ่อทันที(นี่เป็นวิธีที่ดีนะ)รู้สึกจะโดนเข้าที่บริเวณใบหู แล้วก็ไปเตรียมอุปกรณ์กลับมาเก็บน้ำผึ้ง ในภาพได้หงายรังผึ้งที่อยู่ด้านใต้กระเบื้องทีใช้ปิดบ่อกันใบไม้หล่นลงบ่อ ขึ้นมา เป็นดังรูปข้างล่าง

น้ำผึ้ง

เก็บรังผึ้งมาใส่ภาชนะ ได้น้ำผึ้งไม่มากนัก ดูในรูปนี้ครับรังผึ้งที่ปากบ่อ

ต่อไปมาดูการเก็บน้ำผึ้งที่ฝาบ้านต่อครับ เก็บ 2 รัง ทั้ง2รังต้องรื้อฝาบ้านออก และได้รับการตอบโต้บ้าง โดนเข้าที่ชายโครงมันเจ็บดีแท้แต่ไม่โกรธกันน้องผึ้งก็ทำหน้าที่ของเขา ดูรังแรกนะครับ อยู่มานานคอยมองๆอยู่เสมอ อยู่มานานแต่มีน้ำผึ้งนิดเดียว

ผึ้งรังน้อย อยากให้เพื่อนๆสังเกตู(เฉพาะมือใหม่ที่สนใจนะครับ เพื่อนๆที่รู้อยู่แล้วต้องขอโทษด้วยครับ) ส่วนที่มีน้ำผึ้งจะเป็นส่วนที่อยู่ด้านบนที่สีขาวๆเหลืองอ่อนด้านบนนิดเดียวนะครับ ต่ำลงมาเป็นที่อยู่ของตัวอ่อนจะให้ติดไปด้วยไม่ได้จะทำให้น้ำผึ้งบูด

ต่อไปดูอีกรังนะครับ 

ผึ้งในครัว

 

รังนี้มีการวางแนวของรังต่างจากรังที่แล้ว มีความกว้างของรังมากกว่า แต่ก็ให้สังเกตุบริเวณที่มีน้ำผึ้งมีไม่มากเช่นกัน เฉพาะด้านบนที่มีสีเหลืองอ่อน ต่ำลงมาเป็นที่เก็บตัวอ่อนเช่นกัน แต่ละรังจะมีน้ำผึ้งไม่มาก ใจจริงสงสารน้องผึ้งที่ไม่ค่อยจะมีน้ำหวานจากดอกไม้กินกัน เพราะมนุษย์ฉีดยาฆ่าหญ้ากันมาก แต่ตอนนี้พี่อินเนียร์ อยากกิน โยเกิร์ต+มะนาว+น้ำผึ้งทุกเช้า เพื่อดูแลสุขภาพน่ะ  แล้วน้ำผึ้งที่เก็บมาหนก่อนมันหมดแล้ว แต่ก็พยายามรบกวนน้องผึ้งให้น้อยที่สุดนะครับ ไม่เหมือนคนใจร้ายที่ทำลายน้องผึ้งอย่างไม่น่าทำ เรื่องมันเป็นอย่างนี้นะ เพื่อนๆที่เคยอ่านบล๊อกเก่าของอินเนียร์อาจพอจำได้ ที่ปากทางเข้าสวนมีต้นไม้ใหญ่เห็นว่าเขาเรียกต้นแค(อินเนียร์ไม่รู้จักหรอก เห็นว่าเนื้อไม้แข็ง)มีโพรงอยู่แล้วผึ้งมาอยู่แล้วอินเนียร์เคยเก็บน้ำผึ้งแล้วได้นิดเดียว แล้วผึ้งก็หนีไป อินเนียร์คอยดูอยู่เรื่อยๆ เพิ่งเห็นว่าผึ้งมาอยู่อีกแล้ว(เพิ่งมาอยู่)ใจนึงไม่อยากเก็บเพราะอย่่างที่บอกว่าผึ้งไม่ค่อยมีอะไรจะกิน แต่ก็เป็นห่วงว่าคนใจร้ายจะมาเผาน้องผึ้ง กะว่าอีกซักพักจะมาเก็บเพราะน้องผึ้งอยู่ในที่ๆคนขี้ขโมยจะมาทำร้ายเอาได้ง่าย ผ่านไปพอมาดูอีกทีก็เป็นอย่างที่อินเนียร์เป็นห่วง ดูสิครับ ศพน้องผึ้งตายเกลื่อนเลย 

ศพน้องผึ้ง

 

ภาพต่อไป อินเนียร์เอามาเพิ่มให้ดู น้องผึ้งหลังจากเก็บน้ำผึ้งและปิดฝาบ้านด้านในแล้ว น้องผึ้งก็มาออดูท่าทีหน้ารัง และมีบางส่วนเข้าไปสำรวจความเสียหายในรัง  การเก็บน้ำผึ้งโดยไม่เผารัง ก็ทำความเสียหายให้ผึ้งน้อย ส่วนคนที่เก็บน้ำผึ้งไม่เป็นและกลัวผึ้งต่อยก็จะเผาเหมือนเผาตัวต่อ ต่อตอยอันตรายถึงตายได้(มีคนเลี้ยงต่อหัวเสือ จะไม่เผาแต่ต้องระวังและป้องกันอย่างดี เพราะตัวอ่อนของต่อขายได้ราคาดี เขาไม่เผาเพราะต้องการให้ต่อสร้างรังและตัวอ่อนใหม่อีก)

ผึ้งยังอยู่

 

 

 

 ใครที่ยังไม่รู้ ก็ฟังไว้นะครับ ส้มสูกลูกไม้ที่ออกลูกเป็นผลให้คนได้กิน เพราะมีผึ้งช่วยผสมเกสร (แมลงอื่นๆด้วยแต่ผึ้งจะทำหน้าที่เป็นหลัก หากวันใดในโลกนี้ไม่มีผึ้ง ไม่กี่ปีมนุษย์ก็ต้องตายไปจากโลกนี้เพราะไม่มีอาหารกิน(อัลเบิร์ต ไอสไตน์กล่าวไว้นานแล้ว) มิน่าล่ะที่บ้านอินเนียร์หัดปลูกผัก ปลูกฟักทองออกเป็นลูกเล็กๆหลายครั้งก็เหี่ยวไปหมดไม่เป็นลูกโตขึ้นมาเลย อินเนียร์รู้ว่าน้องผึ้งจิ๋ว(ชันโรง)ที่มีน้ำผึ้งหวานๆและมีประโยชน์ทางยาด้วยนะ มีข้อมูลการวิจัยรับรองครับ ชันโรงช่วยผสมเกสร จึงชวนน้องผึ้งจิ๋วที่ในสวนมาอยู่ที่บ้าน 

ดูรังชันโรง นี่เป็นรังชันโรงที่บ้านในสวนเมื่อรื้อฝาบ้านด้านในออก สีเหลืองอ่อนเป็นไข่ตัวอ่อน ใกล้ๆกันสีเข้มเป็นไข่แก่ สีน้ำตาลด้านขวามือเป็นที่เก็บน้ำหวานของชันโรง

ไข่อ่อน,ไข่แก่ และน้ำหวานของชันโรงให้กิน 

รูปนี้จัดเอาไข่อ่อน ไข่แก่ของชันโรง และน้ำผึ้งชันโรงไว้ให้ชันโรงกินก่อนในระยะปรับตัว (มีชันโรงที่เป็นตัวแล้วติดมาด้วย) และมีน้ำผึ้งชันโรงบางส่วนที่อินเนียร์เก็บมาไว้กินด้วยแต่ไม่มาก เพราะจะเก็บเมื่อไหร่ก็ได้สะดวกกว่าเก็บน้ำผึ้ง เพราะผึ้งจิ๋วหรื่อชันโรงไม่ต่อย และเที่ยวนี้อินเนียร์ได้น้ำผึ้งมาบ้างแล้ว เพื่อนๆอย่าคิดว่าชันโรงไม่น่าสนใจนะครับ เขาจัดส่งขายญี่ปุ่นมานานแล้ว และมีงานวิจัยรองรับถึงประโยชน์ของน้ำผึ้งชันโรง อยากรู้เข้ากูเกิ้ลเลยครับ 

ตัวอย่างขนาดและราคาน้ำผึ้งชันโรง 

ตัวอย่าง ขนาดบรรจุและราคา ของน้ำผึ้งชันโรงที่วางขายที่บ้านหอมเทียน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

เพื่อนๆที่อยากได้น้ำผึ้งและไม่อยากถูกผึ้งต่อย อาจหันมาเลี้ยงผึ้งจิ๋วหรือชันโรงดูนะครับ

จริงๆอยากจะเขียนอีกบล๊อกตั้งท่ามานานแล้วกำลังดูทิศทางลม เห็นว่ายังไม่เหมาะจึงรอไปก่อน เพื่อนๆว่าอินเนียร์ขี้บ่น (อย่างน้อยก็น้องใจเกิดกับหมอตำแย กับน้องเล็ก ออนชอร์ เงียบไปทั้ง2คนเลย กำลังจะไปแจ้งคนหายอยู่) ตอนอินเนียร์เป็นเด็กพอสงกรานต์ทีก็ได้เสื้อใหม่ที่แม่ซื้อให้ แต่เดี๋ยวนี้เด็กๆพอได้เสื้อตัวใหม่ เสื้อตัวเก่าก็ทิ้งไม่เป็นที่เป็นทาง ดูสิ

ทิ้งไปเรื่อย 

เด็กทิ้งของไม่เป็นที่ 

เด็กทิ้งของไม่เป็นระเบียบ 

แล้วต้องให้ผู้ใหญ่อย่างเราต้องคอยตามเก็บ เฮ้อ แล้วไม่ให้บ่นได้ยังไง ครับนานๆก็เขียนบล๊อกมาคุยให้ฟังทีนึงก็อย่าว่ากันนะครับ

ก็ขอบคุณผู้ใหญ่ และกรรมการหมู่บ้านฯรวมถึง สมช.เก่าและ สมช.ใหม่ ทุกๆท่านที่เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในบ้านสวนพอเพียงแห่งนี้ หลายคนได้พบปะพูดคุย หรือแม้ได้คุยกันในเวบบ้านสวนพอเพียงก็สามารถรับรู้ได้ถึงความเอื้ออนาทรเป็นห่วงเป็นใยให้ได้รับความอบอุ่นที่รู้สึกได้ 

 

 

ความเห็น

คิดถึงคือกันจ้า แต่คราบงู เห็นแต่คราบก็กลัวแล้ว ผึ้งในสวนมีเยอะป้ายาเอาไว้ดูวันต่อมาหายจ้อย ชาวบ้านว่าเอาไว้ทำไม ตามใจเขาแล้วกันจ้า

สวัสดีปีใหม่ครับป้ายา-ลุงพงษ์ ฟังป้ายาเล่าให้ฟังแล้วใจเหี่ยวเลย น้องผึ้งไม่มีที่อยู่แล้ว คนเห็นเมื่อไหร่ก็จะเอาน้ำผึ้งซึ่งได้นิดเดียว อาหารของน้องผึ้งน้อยลงทุกวัน ต้นไม้ก็ฉีดยาออกดอกมาน้องผึ้งก็กินไม่ได้ จับผึ้งแต่ละครั้งผึ้งก็ตายไปบางส่วน ถ้าคนเห็นแก่ได้ ทำไม่เป็นก็เผารังเลย กว่าจะได้น้ำผึ้งมาน้องผึ้งต้องบินกันกี่เที่ยวกี่รอบ นกป่าก็ตายไป ไก่ป่าก็ถูกล่า ดูแล้วเมืองไทยสัตว์ถูกล่า ต่างจากต่างประเทศ จำภาพนกที่ ป้าเหนือเอามาให้ชมได้ไหมครับ นกป่าบินมาเกาะที่ตัว ถ้าเป็นเมืองไทยคนไทยจับไปขาย อะไรกินได้ก็เอาหมด ตอนนี้ขี้กะปอมก็เริ่มหายไปแล้ว แปวจิโปมกะบ่มีเหลือแล่ว ผมว่าทักๆชาวบ้านเขาไว้บ้างก็ดีครับ ไว้ให้เป็นธรรมชาติ สวนคนอื่นน้องผึ้งอยู่ไม่ได้จึงมาพึ่งบารมีป้ายานะครับ *ขอบคุณครับ

  หวัดดีปีใหม่ไทยครับคุณอินเนียร์

   อยากหาความกล้าจับผึ้งมั่งจังนิครับ แต่ทำพรื้อก็ไม่กล้าสักที

 การทำงานต้องรู้จริงทำจริงจึงประสบกับความสำเร็จ

ใส่หมวกที่คลุมมาถึงคอใส่ไว้ในเสื้อ(แขนยาว)ใส่เสื้อกันลมหรือเสื้อแจ๊คเก๊ต(แต่ถ้าหนามากจะทำให้ร้อนและเหงื่อออกมากถ้าใส่แว่นอาจเป็นฝ้าที่แว่น) ใช้ถุงตาข่ายเก่าสำหรับซักผ้าคลุมบนหมวกอีกที แล้วจัดชายถุงตาข่ายยัดใส่ในคอเสื้อแล้วรูดซิบเสื้อแจ๊กเก๊ตรวบปลายถุงซักผ้าให้มิดชิด ยัดชายเสื้อใส่ในกางเกง สวมถุงเท้ายาวแล้วเอาชายกางเกงลงในถุงเท้าอีก ทำยังไงให้มิดชิดน่ะครับ ใส่ถุงมือยางยาวแบบหนายัดแขนเสื้อเข้าในถุงมือ /*/แต่ต้องเตรียมของที่จะใช้ให้พร้อมก่อน เช่นมีดทีจะตัดรังผึ้ง กาบมะพร้าวเผื่อจุดรมควัน ไม้ขีด ภาชนะใส่น้ำผึ้งให้พร้อม ขาตั้งกล้อง กล้องถ่ายรูป อะไรอีกล่ะ*ผมก็ใจสั่นครับ ยิ่งตอนครั้งแรกๆ*ให้ทราบไว้เบื้องต้นว่าผึ้งแบบนี้จะดุกว่าผึ้งที่เขาเลี้ยงหรือผึ้งพันธ์ต่างประเทศทีเขาเลี้ยงในกล่อง คราวนี้ผมก็โดนต่่อยเพราะประมาทโดนเข้าที่ตำแหน่งซี่โครงพอดี ปวดมากหน่อยแต่ผมทนได้ อ้อคุณวรพจน์เคยโดนผึ้งต่อยมั๊ยครับ คือบางคนแพ้พิษผึ้งมากจนเป็นลมก็มี แต่ถ้าเคยโดนต่อยแล้วไม่เป็นอะไรแค่เจ็บก็โอเค*เตรียมทุกอย่างให้พร้อม หากลงมือแล้วยังต้องวิ่งไปเอานั่นเอานี่ไม่ได้ครับ ผึ้งที่พอสงบๆอยู่พอเราลงมือปั๊บ ผึ้งจะแสดงอาการพร้อมสู้บินมาที่หน้าที่ตัวเรา บางตัวก็มาที่บริเวณหูเหมือนยุง พยายามจะผ่านถุงเข้าไปให้ได้ เหมือนที่แทรกเข้าในเสื่้อที่ผมไม่ได้ยัดเข้าในกางเกง *อีกอย่างที่สำคัญถ้าผึ้งต่อยเราตัวนึง เจ้าตัวอื่นๆก็พยายามตามกลิ่นที่เจ้าตัวที่ต่อยเรา*พูดเสียยาว รายละเอียดมีอีกเยอะ แต่ยังไม่รู้ว่าผึ้งอยู่ตรงไหนอย่างไร ที่ต้นไม้ ที่บ้าน ปัญหาอีกอย่างคือ เรายืนอย่างไร ต้องปีนหรือเปล่า ลองถ่ายรูปรังผึ้งมาอวดกันหน่อยสิครับ จะได้แนะนำเพิ่มเติม

อยู่อย่างพึงพาอาศัยกัน ไม่เบียดเบียนกัน ดีจังครับ แต่สวนพี่อินเนียร์เนี้ยจ้างให้เดินคนเดียวนี่คิดหนักเลยนะครับ ฮา (ผมตามอ่านบล็อคพี่ตลอด ภาพมันฟ้องอะครับ ผจญภัยฝุด ฝุด)

"what a wonderful world"

เห็นด้วยมากๆเลยครับกับ คุณหนุ่มบ้านนอก อินเนียร์เองจริงๆแล้วไม่มีความรู้เกี่ยวกับการเกษตรเลย ทำอะไรก็ไม่เป็น(พูดจากใจเลย) แต่อยากทำ จะถามใครที่มีความรู้ เขาก็บอกไปแบบงั้นๆ เพราะเขาเชื่อว่า เรื่องแบบนี้ใครๆก็รู้ แต่เขาไม่เชื่อว่า อินเนียร์โง่จริงๆ ฮ่ะๆ เพือนๆพูดว่าอินเนียร์บ่อยๆตอนยังเรียนอยู่ เพื่อนบอกว่า อินเนียร์แกล้งโง่ ช่างเถอะ อินเนียร์ไม่รู้จักชื่่อและชนิดของงู แต่มาเจองูหลายชนิดเลย ไม่รู้นิสัย พฤติกรรมของงู กลัวก็กลัวแต่มาสังเกตุและเรียนรู้เอา แม้แต่น้องผึ้งไม่เคยเจอแบบเป็นรัง เจอแต่ในตลาดที่มาตอมสับปรดหรือขนมหวาน เคยโดนต่อยแต่ไม่ได้เข้ามารุมล้อมเยอะๆ

เข้าสวนเจองูอื่นก็เลื้อยหนีไป ตกใจทั้งอินเนียร์ทั้งงู แต่งูกะปะที่มีพิษร้าย พี่แกนอนเฉยเลยไม่หนี ไอ้เรารึพอเห็นก็กระโดดหนี พี่แกนอนเฉ๊ย ฟังชาวบ้านพูดให้ฟังว่า งูกะปะมีหลายชนิด มาดูกันนะครับ

งูกะปะสีเทา นี่แบบทั่วๆไป

งูกะปะสีแดง นี่เป็นงูกะปะสีแดง เค๊าว่าร้ายกาจ

งูกะปะคอแดง นี่น่าจะเป็นงูกะปะคอแดง เขาว่าถ้าโดนกัดโดกจะหลุดพลุดพลัดๆ ฮ่ะ ใครจะไปรู้ งูตัวนี้ไม่เลื้อยหนีเหมือนกัน ผิดจากงูอื่นๆ

ขอบคุณมากๆครับที่ติดตามอ่านบล๊อกที่่อินเนียร์เขียน อินเนียร์เขียนจากประสบการณ์ผิดไปบ้างก็ต้องขออภัย แต่หลังจากปรับตัวปรับใจได้แล้วอินเนียร์ไม่ได้ทำร้ายงูหรือผึ้งโดยไม่จำเป็น***ขอบคุณ คุณหนุ่มบ้านนอกมากครับที่แวะมาคุยกัน

คิดถึงเช่นกันค่ะ แต่ไม่ขอชมงู

ขอบคุณครับที่คิดถึงกัน *เรื่องงูนี่ เขารังเกียจกัน งูก็ไม่มีที่อยู่ จะอยู่ในป่าคนก็บุกป่า พองูหมดไปหนูก็เยอะมากัดกินต้นข้าวของชาวนา ดูเมนต์ของป้ายาในบล๊อกนี้สิครับ ชาวบ้านมองว่าผึ้งมีไว้ก็ต่อย(ไช)คน อย่าเอาไว้เลย แล้วผึ้งจะไปอยู่ไหน น่าสงสารเน๊าะ ฮ่ะๆ ไม่ว่ากัน ล้อกันเล่นนะครับ งูใครๆก็กลัว

บ่นแบบนี้บ่นไปเถอะฟังได้ค่ะ555

แต่สงสารน้องผึ้งจัง โดนเผาซะเกลี้ยงเลย พวกไม่มีกึ๊น เอาผึ้งไม่เป็น แบบนี้ก็สูญพันธุ์หมดพอดี เล่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แบบนี้แย่เลย 

สบายดีอ๊อด(ภาษาลาวนะ) ขอบคุณมากที่แวะมาคุยกัน เดี๋ยวนี้สัตว์ในธรรมชาติน้อยลงทุกที ผู้ทำลายมากที่สุดคือมนุษย์ เป็นการทำลายห่วงโซ่ของอาหาร โลกก็จะขาดสมดุล ธรรมชาติก็จะย้อนมาทำลายสรรพสิ่ง มนุษย์ก็จะต้องพบกับภัยธรรมชาติจนอยู่ไม่ได้ (อ้าว จ่มอีกแล่วบ่นี่) ฮ่ะๆ

หน้า