อาหารจากเมล็ดงา

เห็นด้วยค่ะคุณXcoolsive จะว่าไปหากมีงาไว้กินด้วย ไม่ว่าจะคั่วหรือทำขนมก็ได้คุณค่ามากนะคะ เท่าที่อ่านและติดตามข้อมูลงาเพาะงอกทราบมาว่าประโยชน์มากอย่างคิดไม่ค่อยถึงค่ะว่าจะช่วยเรื่องของการปวดข้อต่างๆได้ด้วย ถ้าไม่มีข้อขัดข้องทางสุขภาพที่จะต้องห้ามกินเมล็ดงาหรืองาเพาะงอก อยากเชิญชวนลองชิมน่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาเยี่ยมชมกัน

ขอบคุณค่ะหนุ่มสนิท

ที่ผ่านมาหากมีมื้ออาหารอร่อยๆ งามักจะเป็นอาหารอย่างสุดท้ายที่คิดถึง ไม่ว่างาคั่วแล้วป่นหรืองารูปไหน

ยังนึกเสียดายว่ากินน้อยไปหน่อย กระดูกเลยมีโอกาสสะสมแคลเซียมจากงาน้อยไปหน่อย

ทั้งที่ควรเริ่มสะสมแคลเซียมตั้งแต่อายุเข้าสามสิบห้าปี(ตามที่อ่านเจอข้อมูลแนะนำไว้ค่ะ)ที่บางข้อมูลก็นับอายุนี้เป็นปัจฉิมวัยแล้วค่ะ

พลอยดีใจไปด้วยค่ะ คุณตุ๊กได้เพิ่มอีกหนึ่งเมนู

เคยพยายามจะเพาะงอกเมล็ดงามาหลากหลายวิธี เจอเน่าบ้าง บูดบ้าง มีกลิ่นอบจนกินไม่ได้หลายครั้งค่ะ

บางครั้งเพาะได้งางอก รสชาติดีแต่กินแล้วติดคอบ่อยๆแล้วก็เมื่อยกับการเคี้ยว

ใช้วิธีนี้ทำให้กินงาได้อย่างคล่องคอค่ะ มัน หอม และซับรสชาติของอาหารสดได้ค่ะ

ถ้าปั่นน้ำแล้ว พยายามกินให้ได้ในสามสิบนาทีนะคะ

เท่าที่อ่านข้อมูลบอกไว้ว่าเอ็นไซม์จากเมล็ดงางอกจะยังสดใหม่และมีประโยชน์กับร่างกายด้วยค่ะคุณตุ๊ก

ขอบคุณค่ะคุณเหมียวที่เข้ามาให้กำลังใจกัน 

เมนูนี้ทำให้กินงาง่ายขึ้นกว่าเดิมค่ะ เท่าที่สังเกต หลังดื่มไปสักระยะผิวจะเริ่มชุ่มชื้นขึ้นกว่าเดิม

เข้าใจว่าน่าจะไขมันและธาตุอาหารอื่นๆในเมล็ดงาที่ไปเป็นอาหารให้เซลล์ร่างกายรวมไปถึงต่อมไขมันที่ผิวหนัง

เท่าที่ทราบมาข้อมูลบอกไว้อีกด้วยค่ะว่าเป็นการช่วยให้ร่างกายลดการดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้มากเกินไปค่ะ

ถ้าคุณเหมียวพอจะมีเวลาและไม่แพ้งาลองทำสูตรนี้บ้างก็ดีเลยนะคะ 

ป.ล. ถ้าได้เป็นงาอินทรีย์ หรือเมล็ดงาที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมียิ่งดีเลยค่ะ

ขอบคุณกำลังใจและคำชื่นชมค่ะคุณเสิน 

ทำไว้ก่อนค่ะ ยังนึกๆอยู่ว่าลงทุนทำเพื่อสุขภาพน่าจะใกล้เคียงกับการที่จ่ายค่าประกันสุขภาพรายวันนะคะ

ประกันชีวิตจ่ายให้บริษัทประกันเป็นเงิน แต่ก็คิดต่อว่าจ่ายประกันสุขภาพให้ตัวเราเองเป็นแรงที่ลงมือทำรายวันเพื่อสุขภาพวันข้างหน้าค่ะ

ขอบคุณคุณเสินอีกครั้งนะคะ :)