โรงสี

หมวดหมู่ของบล็อก: 

              บางท่านที่ไม่ได้อ่่านบล็อกแรก ๆ ของแดง อาจจะไม่ทราบว่า พี่เวทย์กับแดงมีอาชีพอะไร มีรายได้มาจากไหน    เพราะยางพาราก็เพิ่งจะสี่ปี สวนผสมก็เพิ่งจะเริ่มไม่กี่เดือน นาก็เพิ่งทำปีนี้ปีแรก แดงมีงานประจำเป็นลูกจ้างประจำ อบต.ค่ะ ส่วนพี่เวทย์มีอาชีพอะไร ดูกันเอาเองค่ะ เผื่อเป็นทางเลือกสำหรับพี่น้องบ้านสวน ที่คิดจะมีอาชีพที่เป็นนายตัวเองค่ะ

พี่เวทย์มีโรงสีเล็ก ๆ  ซื้อโรงเรือนเก่า รื้อนถอนพร้อมก่อสร้าง ห้าหมื่นบาท

โรงสีขนาดสามลูกหิน ราคาแสนห้าหมื่นบาท รวมโรงเรือน ทั้งหมด สองแสนบาท

 หกโมงเช้าพี่เวทย์ จะเปิดโรงสีทิ้งไว้ แล้วไปสวนกับแดง

ชาวบ้านจะทยอยเอาข้าวมาทิ้งไว้ แล้วไปทำไร่ทำสวนแต่ละวันจะมีชาวบ้านเอาข้าวมาสี

เฉลี่ยวันละสิบถึงยี่สิบห้ากระสอบ ประมาณเที่ยงก็จะสีข้าวเสร็จ

เวลาชาวบ้านเอาข้าวมาสี จะเขียนชื่อไว้บนกระสอบ

ประมาณแปดโมงเช้า หลังจากกลับมาจากสวนและเสร็จภารกิจที่บ้าน พี่เวทย์จะมาสีข้าว

และแดงจะไปทำงาน อบต.

รายได้มาจากการขายรำ

รายได้มาจากการขายปลายข้าว

ประมาณเที่ยงก็สีข้าวเสร็จ ชาวบ้านจะทยอยมาเอาข้าว ค่าบริการกระสอบละห้าบาท ส่วนนี้จะเก็บไว้จ่ายค่าไฟฟ้า รายได้จากการขายรำและปลายข้าว แต่ละเดือนไม่่่ต่ำกว่าแปดพันบาทขึ้นไป  ส่วนแกลบจะขายบางส่วน บางส่วนจะเก็บเอาไว้ใส่นาข้าว ถึงรายได้จะหลักพัน แต่ใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง โรงสีเพิ่งทำมาได้ปีกว่า ๆค่ะ และคาดว่าจะคืนทุนปลายปีนี้  และที่สำคัญสุดเป็นนายตัวเอง และเราได้อยู่ด้วยกันทุกวันค่ะ

พี่เวทย์ คนสีข้าว

                                                                                      โปรดติดตามตอนต่อไป.......................
















ความเห็น

ดีจังเลยครับ มีแหล่งรายได้หลัก ที่ไม่ได้ต้องใช้เวลามากนัก

พอเพียง พอเพียง

ชื่นชมจากใจจริงๆ สู้ๆนะคะ คุณแดงมีแรงงานเป็นเพื่อนคู่คิด ประหยัดไปได้แยอะ ของพี่ไม่มีแรงงานช่วย ใช้แต่แรงงานลูกๆ  เอาให้กำลังใจซึ่งกันและกัน สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆคะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"

คงไม่ทำตลอดไปหรอกค่ะสำหรับโรงสี นาเราก็มีทำ ถ้าสวนผสมลงตัว ยางพาราเปิดกรีดได้ ก็คงเลิกสีข้าวค่ะ เพราะคงไม่มีเวลามาทำตรงนี้แล้วค่ะ

"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"

ไม่ต้องขอล่ะ ได้เห็นแล้ว เห็นเอื้อยแดงพูดถึง งานของอ้ายเวทย์

แต่ก่อนที่บ้านมีเหมือนกัน ครับเล็กกว่านี้ พอดีไม่มีคนดูแล เลยขายต่อให้ หลานเอาไปทำต่อ

 

โรงสีที่บ้านตอนนี้ สีข้าวมหาโหดมากเลยครับ

ที่บ้านทำนากัน มีข้าวไว้กินเยอะแยะเลย แต่หลายๆ คนเลือกซื้อข้าวกินมากกว่าเอาไปสีที่โรงสีครับ เพราะว่า

เวลาเขาสีข้าวเราแล้วเขาจะเก็บข้าวเราไปบางส่วนด้วยไม่รวม รำกับแกลบที่เขาเก็บไว้แล้ว

ฉะนั้นข้าวที่ได้จะขาดมากเลย ครับ ขาดขนาดเอาข้าวเปลือกไปขาย เอาเงิน ซื้อข้าวสาร มากินยังคุ้มกว่าอีกครับ

 

อ้ายแวทย์ คิดสอบล่ะ 5 บาท ถูกมากเลยครับ ถ้าอยู่ได้ก็ถือว่าได้ช่วย ชุมชนคนแถวนั้นไปด้วย ฝากขอบคุณอ้ายเวทย์ด้วย 

อยากให้มีโรงสีแบบนี้ในหมู่บ้านบ้าง ( หมู่บ้านผม มี โรงสีแบบนี้ ประมาณ 3-4 เจ้าครับ หมู่บ้านใหญ่พอควร )

 

อนาคตถ้าได้กลับไปอยู่บ้าน จะทำโรงสีแบบนี้ด้วยครับ เอาค่าไฟพอ แล้วก็ เก็บพวกแกลบ ใ่ส่นา ขายรำ หรือไว้เลี้ยงหมู

 

ขอบคุณเอื้อยแดงที่นำมาให้ดูครับ

รู้สึกอยากจะกินรำอย่างงั้ยก็ไม่รู้    

 

พี่แดงเขียนได้น่ารักจังคะ ก้อยอยากใช้ชีวิตแบบนี้บ้างแต่งานประจำที่ทำอยู่ก็รัก และใช้ความสามารถเพื่อส่วนรวม ... โรงสีเป็นอีกหนึ่งความฝันคะ เพราะละแวกบ้านก้อยทำนากันก็จริงแต่ส่วนใหญ่ซื้อข้าวทาน ข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ก็ขายทันที .... โรงสีเลยไม่มีเลยในละแวก 5 กม.

 

...2553 ปีที่ 1 ที่เริ่มเดินตามรอยพ่อ...

ขอถามหน่อยนะคะว่า ถ้าจะทำโรงสีต้องมีพื้นที่ในการทำใช้ไหมค่ะ  เพราะฝุ่นมันจะฟุ้ง ใช้ไหมค่ะ อยากทำแบบนี้จังเลย

              ถ้าจะทำโรงสี ต้องห่างชุมชนหน่อยค่ะ เพราะเสียงดัง และฝุ่น พี่เวทย์ทำตอนนี้บนเนื้อที่หกไร่ค่ะ มีบ่อปลา มีลำห้วยใกล้ ๆ อากาศเย็นสบายค่ะ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามเราต้องสร้างศรัทธาและความเชื่อมั่น แล้วลูกค้าจะตามเรามาเองค่ะ ตอนนี้ไม่ต้องไปรับข้าวมาสีค่ะ ชาวบ้านจะเอามาเอง

"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"

พี่แดงกะพี่เวทย์เป็นคู่ชีวิตตัวอย่างที่ลงตัวม๊ากมากเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้ ..สู้ๆๆๆค่ะ

Smileเดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง

หน้า