จากแรงเหวี่ยงสู่รอยต่อของความคิด
จากแรงเหวี่ยงสู่รอยต่อของความคิด
คำพูดต่อไปนี้เป็นคำพูดที่ได้ยินโดยตรง และมีคนมาบอกให้ฟัง ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด หางานทำไม่ได้กลับมาขอแม่กิน เรียนมาสูงเสียเปล่าแต่ไม่ได้เป็นเจ้าคนนายคน หางานทำไม่ได้เลยมาทำสวน ถ้าจะทำนาทำไร่จะไปเรียนทำไม่เสียเงินเสียทอง เสียเวลาคนจบ ป.4 ก็ทำได้แค่งานทำนาทำสวน
ผู้เขียนก็เป็นคน มีหัวจิตหัวใจ เจอแรงเหวี่ยงแบบนี้มันก็ต้องมีความรู้สึกเหมือนกันนะ (ถึงจะบอกว่ามันเรื่องของเรา) แต่ลึก ๆ คิดค่ะ เราต้องอยู่ในสังคม เหมือนเป็นยี่ห่อของคนที่เรียนมาแล้วมาทำงานที่ต่ำ ๆ (คนในชุมชนคิดว่าการทำนา ทำสวนเป็นงานต่ำอยู่กับดิน) ในช่วงรอยต่อของความคิดเป็นช่วงที่อยากที่สุดที่จะก้าวพ้นมันไปได้ถ้าใครทนได้มาก และนานสามารถก้าวพ้นมันมาได้มันก็จะเป็นแค่ผงเข้าตาเอามันออกตอนไหนก็ได้
ปัญหาของแรงกายเราจะไม่มีความอดทนมากเท่าคนสมัยก่อนจากเคยอยู่ห้องแอร์ ต้องมาทำงานตากแดดมันคนละเรื่องกันเลยค่ะ ความอดทนเราสู้คนที่ทำอยู่ทุกวันไม่ได้ ประสบการณ์ไม่มีแน่ จะเอาวิชาการมาทำอย่างเดียวไม่ใช้แล้วค่ะ วิชาการเขียนบอกว่าทำแบบนี้ได้ดี (วิชาการที่เราไปอ่านมาไม่รู้นานแค่ไหนกันแล้ว) คนที่เขียนเป็นวิชาการให้เราอ่านเขียนในห้องแอร์ เวลาเอามาทำจริง ๆ มันเจอปัญหาต่างกัน ต่างพื้นที่เวลาทำจริงเจอปัญหาจริงบางอย่างแก่ได้บางอย่างไม่ได้ แรงใจหมดแรงกายไม่มี คิดเล่น ๆ ว่าใครจะทนได้แค่ไหนบางอย่างสิ่งที่เราเลือกก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำได้ปัญหามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราทุกปัญหา ครอบครัว ชุมชน เงินทุน แรงกาย แรงใจ ความรู้เดิม ความรู้ใหม่ การวางแผน ฐานของความคิดแน่นแค่ไหน ฐานของครอบครัว ทนกระแสสังคมได้มากแค่ไหน อย่าลืมว่าเราเป็นปลาที่ว่ายทวนน้ำลำบากมากกว่าคนอื่น ๆ เป็นพันเท่า ในที่สุดแล้ว ก็เลยจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างไว้แล้วกลับไปในสังคมที่ทุกคนลงความเห็นว่าดีที่สุดเจริญที่สุด เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว บางคนอาจจะบอกว่าเราล้มเหลวไม่ประสบผลสำเร็จในชีวิต ถ้าเรายังพอมีสติอยู่ให้ตั้งหลักคิดให้ดีว่าที่เราเป็นแบบนี้ด้วยปัจจัยอะไรบ้าง แล้วที่เราขาดอะไรบ้าง ทำงานได้เงิน เตรียมทุกอย่างที่เราจะจำเป็นเพื่อกลับมาอยู่ในถิ่นให้ได้ การที่เราได้ทิ้งสิ่งที่เราทำไว้มันเจ็บปวดมากยิ่งเจ็บยิ่งต้องวางแผนให้ได้หลาย ๆ แบบ แล้วมาดูว่าเราทำแบบไหนดีที่สุด
- บล็อกของ กิ่ง ก้าน ใบ
- อ่าน 6825 ครั้ง
ความเห็น
สิทธิชัย สุตะพันธ์
30 มิถุนายน, 2010 - 23:07
Permalink
สู้ต่อไปครับ
เป็นกำลังใจให้อีกแรง สู้ต่อไปครับ
กิ่ง ก้าน ใบ
1 กรกฎาคม, 2010 - 11:07
Permalink
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ สู้ด้วยกันนะค่ะ
มาขอเป็นสมาชิกใหม่ค่ะ
james
1 กรกฎาคม, 2010 - 02:14
Permalink
เป็นกำลังใจให้ครับ
ผมเป็นคนที่ชอบอ่านบันทึกของเพื่อนสมาชิกทุกท่าน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความรู้การเกษตรและเส้นทางของผู้คนที่สนใจผันตัวเองสู่วิถีทางเกษตรกร ซึ่งคุณกิ่งก็เป็นหนึ่งในต้นแบบของผม
เรื่องของเรื่องคือผมไม่สามารถจะเข้าใจความรู้สึกของการถูกกดดันจากสภาวะต่างๆ ที่คุณกิ่งพบเจอมา ทั้งเสียงพูดจากรอบข้าง หรือผลงานที่ต้องใช้ระยะเวลาในการพิสูจน์ เพราะผมยังไม่ได้ลงไปปฏิบัติจริงตรงจุดนั้น แต่ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่ง ความเชื่อเกี่ยวกับวิถีเกษตร ว่ามันจะเป็นทางออกของปัญหาต่างๆ ได้ ผมวางแผนและมุ่งมั่นมากครับ ว่าจะกลับไปบ้านเกิด ไปใช้ความรู้ที่ได้เรียนมานำไปพัฒนา ต่อยอดกิจการต่างๆ ที่บ้านให้ดีขึ้น เพราะผมเห็นแล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยเห็นเมื่อวัยเยาว์ มันยังคงเป็นอยู่เช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ปุ๋ยเคมี ใช้ยาฆ่าหญ้า พ่อค้าคนกลาง การปลูกพืชตามกระแส ฯ และคาดว่าอนาคตก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เพราะเราขาดการศึกษาเรียนรู้ และพัฒนา
แค่นี้จริงๆ ครับที่ผมคิด และรวบรวมความรู้อยู่ในตอนนี้ จนบางครั้งเพื่อนฝูงที่สังสรรค์กันจะพูดเตือนว่าคิดดีแล้วหรือ มันไม่มีรายได้แน่นอนเหมือนงานที่ทำอยู่น่ะ ผมก็ได้อธิบายเหตุผลไปตามความรู้สึกที่ว่ามา จนหลังๆ ไม่มีใครคุยกับผมเรื่องนี้แล้ว คงเห็นว่าผมน่าจะบ้าจริงๆ
ยามท้อก็ต้องหาแรงใจเพิ่มครับ คนที่ประสบความสำเร็จมีให้ศึกษาเยอะ ยิ่งเรามีความรู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตด้วยแล้ว เป็นเรื่องง่ายมากครับที่จะเรียนรู้ ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า คนที่มีใจชอบและตั้งใจทำสิ่งใดแล้ว แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในตอนแรก แต่คนๆ นั้น ต้องกลับมาใหม่อย่างแน่นอน
กิ่ง ก้าน ใบ
1 กรกฎาคม, 2010 - 11:06
Permalink
สวัสดีค่ะ
ตอนออกมาทำตอนแรกไม่เคยคิดว่าจะเจอปัญหาพวกนี้เลยค่ะ แต่พอมาทำจริง ๆ ปัญหามมันก็ค่อย ๆ ตามมาค่ะ อันไหนแก้ได้ก๊จัดการไปอันไหนไม่ได้ก็ปล่อยค่ะ
มาขอเป็นสมาชิกใหม่ค่ะ
jengjao@hotmail.com
31 กรกฎาคม, 2010 - 12:50
Permalink
สมาชิกใหม่ค่ะ
ตั้งแต่เข้าเวปบ้านสวนพอเพียงมา ชอบบทความนี้มากเลยค่ะ เพราะรู้สึกว่ากำลังตรงกับชีวิตที่โดนอยู่ตอนนี้
ตอนแรกก็ทำงานประจำค่ะ อยู่บริษัทปูน แต่ด้วยความที่อยากจะกลับมาทำอะไรที่บ้านเกิดตัวเอง และเราก็รักในอาชีพเกษตร
บวกกับมีพ่อคอยส่งเสริม พอเก็บเงินได้ก้อนนึง จึงตัดสินใจลาออกจากงานมา เพื่อมาทำเกษตรโดยตรง โดยการปลูกกล้วยไข่ พื้นที่ 13 ไร่ค่ะ
ทำทุกอย่าง เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา มะละกอ คือเหนื่อยแต่เราก็ยอม เพราะมันคือสิ่งที่เรารัก แต่ผลที่ตามมา มันไม่ได้จบแค่นั้น พอกลับบ้าน คำถามแรกที่เจอ
ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง หรือ คนรอบข้างคือ ออกมาทำไม จะมาทำอะไรแบบนี้ เรียนมาก็สูง มันไม่รวยหรอก เจออยู่อย่างนี้ประจำค่ะ แรกๆ ก็ท้อ ร้องไห้ทุกวันเลย
แต่ก็ยังดี มีพ่อคอยเป็นกำลังใจ และ ต่อสู้ไปด้วยกัน จนทุกวันนี้กำลังใจเข้มแข็งขึ้นมากแล้วค่ะ เพราะสิ่งที่เราทำกำลังให้ผลตอบแทนเราอยู่ มีกำลังใจขึ้นเยอะค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้ คนที่คิดจะทำเกษตร และรักในอาชีพนี้ อย่าท้อนะค่ะ คำดูถูกของคนอื่น ก็เหมือนเป็นยาชูกำลัง ที่จะทำให้เราสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ดีทีเดียวเลยค่ะ
หากมองกลับกันอีกด้าน เราไม่ได้ทำเกษตรแบบคนสมัยก่อน แต่เราทำ เราคิด เราใช้ความรู้ที่มี มาใช้ทำ และ พัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เชื่อค่ะว่า เราจะไม่หยุดอยู่กับที่แน่นอน
ถึงแม้เราจะไม่รวยจากอาชีพนี้ แต่เราก็ไม่จน แถมมีความสุขอีกต่างหาก ไม่ต้องไปเป็นลูกน้องใคร มีงานทำเป็นของตัวเอง และ ที่สำคัญ ได้อยู่กับคนที่เรารัก แล้วเราจะยัง
ไปดิ้นรนให้มันเหนื่อยใจทำไมหล่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร แค่บินไปให้ถึงฝัน แค่นั้นพอ
หน้า