probiotic

หมวดหมู่ของบล็อก: 

เมื่อเช้ารับชมรายการทีวี ช่อง FM-TV เขาพูดถึง Probiotic และยกตัวอย่างว่าหลายชาติ เขามีอาหารที่เป็น Probiotic เช่น

เกาหลี ก็มี กิมจิ

ญี่ปุ่น ก็มี มิโส๊ะ

อินเดีย ปากีสถาน ก็มี โยเกิร์ต

เมืองไทย ก็มี แป้งข้าวหมาก

กิมจิ ก็เป็นผักดอง มิโส๊ะ เข้าใจว่า คล้ายๆ เต้าเจี้ยว ส่วนโยเกิร์ตนั้น ก็เป็นของอินเดีย ปากีสถาน แต่ที่ทำขายกันในเมืองไทย ชี่เป็นฝรั่ง กับญี่ปุ่น และแป้งข้าวหมาก ทำมากๆ ตำรวจจับ ลูกแป้งข้าวหมาก ก็จับ

โยเกิร์ต จะเป็นหนึ่งในอาหารเช้า ปกติก็ซื้อ แต่ทำเองก็ได้ ง่ายจัง ใครอยากทำ ยกมือขึ้น

แป้งข้าวหมาก นี่ก็ของชอบ แต่ไม่ได้กินทุกวัน วันไหนในตลาดเขาทำมาขายก็จะซื้อมาใส่ตู้เย็นไว้กิน บางทีเก็บไว้หลายวัน น้ำตาลกลายเป็นแอลกอฮอล์ ก็อร่อยไปอีกแบบ

กิมจิ กับ มิโส๊ะ เป็นอย่างไร ขอเชิญชาวบ้านสวนพอเพียง ช่วยกันบรรเลงต่อครับ

ความเห็น

โหลุงพูน ถ้าเป็นคนอื่นพูดผมคงจะ 

จะทำเอาฮา เหรอนั้น แฮะๆ

 

ถ้ามีโยเกิร์ตรสกาแฟ นึกรสชาติอาจจะพิลึกๆ หน่อย ( ต้องปิดจมูก แล้วก็ เอาน้ำผิ้งทาที่ปากก่อนเปล่าลุงงงงง )

แต่คงทำให้อื่มท้อง ได้สุขภาพ แล้วก็ไม่ง่วงด้วย

ฮืมมม ยอมกินคับ ฮา

สูตรของผมนะครับ ทำโยเกิร์ตกินเองแบบคุณแก้ว แต่ผมใส่กาแฟลงไปด้วย เพราะทำกินเอง ไม่มีบริษัทไหนที่ขาย แล้วก็ตักมะพร้าวอ่อนใส่ลงไปอีกหน่อย ก็เป็น โยเกิร์ต รสกาแฟ ใส่มะพร้าวอ่อน ไงครับ

ทีเพื่อนผมทำขาย ใส่วุ้นมะพร้าว ผมก็เลยโขมยไอเดียเขามา ใส่มะพร้าวอ่อนแทนไงครับ


ถ้ากินไข่ดองเปรี้ยว อาจต้องใช้น้ำผึ้งทาปาก แต่โยเกิร์ต นี้ไม่ต้องครับ

อยู่บ้านสวนก็ไฮโซ ได้เนอะ จะลองทำโยเกิร์ตทางเองมั่งคับ ซื้อเขากินไม่สะใจเลยคับ แฮะๆ ( จะใส้ให้หมดเลยอะไรที่อยากกิน ฮา )

ว่าแต่ โยเกิร์ตเขาทำยังไง อ่าาาาา คับ

 

ใครมีสูตรเด็ด ขอหน่อยคับ อ้อ สูตรแบบคุณทราย ไม่เอานะ ( ใช้แบงค์ทำ )

วิธีทำโยเกิร์ตของผม อาจจะเหมือนหรือแตกต่างไปจากของคนอื่นๆบ้าง ช่วยเม้นด้วยนะครับคุณแก้ว kk

วัตุดิบ มี นมพาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ตที่เขาทำขายกัน เลือกเอาแบบที่ไม่ใส่อะไรเลย(แต่ใส่ในแก้วพลาสติก)

วิธีทำ

เอานม ประมาณ 1 ลิตร ใส่หม้อตุ๋น หรือหม้อสองชั้น ถ้าไม่มีก็ใช้หม้อสองใบซ้อนกัน หม้อใบนอกใส่น้ำตั้งไฟ หม้อชั้นในใส่นม แล้ววางซ้อนในหม้อชั้นนอก ให้น้ำ(ในหม้อชั้นนอก) เดือด สัก 5 นาที ดูว่านมในหม้อชั้นในร้อนสัก 60 องศา

ตักโยเกิร์ตที่ซื้อมา ใส่ลงในนมที่ร้อนๆ กวนให้เข้ากัน แล้วปิดไฟ แล้วตั้งไว้เฉยๆ หม้อนมยังแช่ในหม้อน้ำ พอน้ำเริ่มอุ่นๆ ก็เทนมใส่แก้ว หาฝาผิดแก้ว ป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์ตัวอื่นลงไป ตั้งไว้ในที่อุณหภูมิห้อง สักสองสามชั่วโมง แล้วจับแก้วโยเกิร์ตมาเอียง หากนมในแก้วไม่เอียงตามแก้ว แสดงว่า แข็งเป็นโยเกิร์ตแล้ว ก็เอาใส่ตู้เย็นไว้กิน

ลองเล่นๆ เว้นไว้สักสองแก้ว อย่าเพิ่งตู้เย็น ทิ้งไว้อีก 2 หรือ 3 ชม แล้วค่อยใส่ตู้เย็น พอเอามากิน ลองเปรียบเทียบดูว่า แก้วไหน จะเปรี้ยวกว่ากัน ระหว่าง แก้วโยเกิร์ต กับแก้ว kk

จะลองทำดูคับ ลุงพูน

อ้อ โยเกิร์ตที่เขาทำขายกัน >> สูตรธรรมชาติเปล่าคับลุงพูน  แล้ว ใช้พวกโยเกิร์ตแบบนมเปรี้่ยวได้เปล่าคับ ?

 

ผมว่าเแก้ว kk น่าจะเปรี้ยวกว่า ...
( ด้วยความรู้สึกบางอย่าง ก็ที่บ้านคุณแก้ว มีใบชะมวงเยอะมั้งคับแฮะๆ )

โยเกิร์ต เจ้าแรกที่ทำขาย ก็เป็นโยเกิร์ตแบบธรรมดาๆ ไม่มีส่วนผสมของสิ่งอื่นๆเลย น่าจะเรียกว่าสูตรธรรมชาติ และก็มีรสเปรี้ยวมากกว่าหวาน เลยขายไม่ค่อยได้ ส่วนยี่ห้อที่มาทำขายกันตอนหลัง ก็ใส่อะไรต่อมิอะไรลงไปสารพัด ถูกปากคนไทย เลยขายดิบขายดี ส่วนจะบอกว่าธรรมชาติหรือไม่นั้น ผมคิดว่า ในการทำต้องใช้เชื้อจุลินทรีย์อยู่แล้ว ก็น่าจะเรียกได้ว่า ธรรมชาติ

แต่ว่า ถ้าผมไม่ซื้อโยเกิร์ตแข็งมาใช้ แต่จะใช้โยเกิร์ตเหลวแทน จะได้ไหมเอ่ย ขอฝากเป็นการบ้าน ใครหัดทำลองส่งการบ้านด้วยครับ ของจริงไม่ต้องส่งไป

ถ้ามีโอกาสจะลองดูคับ ทั้งสองอย่างเลยคับ

ลองใช้นมหวานดูด้วยครับ

ถ้าใช้นมสด ( จากเต้า ) หรือ ที่ยังไม่ พาสเจอร์ไรส์มาก่อน ต้องทำอะไรเพิ่มหรือเปล่าคับ ลุงพูน

หรือต้องใช้การตุ๋น หรือ รวนก่อนโดยใช้เวลามากกว่าปกติคับ

 

นมสดจากเต้า(โค หรือแพะ) ปกติเขาไม่กินสดๆครับ ยกเว้นจากเต้าอื่นที่ไม่ทาบอระเพ็ด เพราะฉนั้น คงต้องใช้นมพาสเจอร์ไรส์ครับ สมัยนี้นมวัวที่แขก(อินเดียรีดแล้วตวงใส่ขวดขายใน กทม สมัยก่อน ไม่มีแล้วครับ และไม่ผ่าน อย.ด้วยครับ)

หน้า