ส่งการบ้านลุงพูน
หลังจากที่ได้เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกบ้านสวนพอเพียง เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์จากการแบ่งปันจากเพื่อนๆสมาชิกมาพอสมควร และได้เริ่มทำการบ้านด้วยการฝึกหัด ทดลองปฏิบัติตามทั้งทฤษฎีและภูมิปัญญาต่างๆ
วันนี้จะขอโอกาสส่งการบ้านบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าลุงแก่แล้ว ไม่ยอมทำการบ้าน (@เฮียตั้ม....ผมรู้นะว่าคิดอะไรอยู่ รีบดักคอกันไว้ก่อน)
ขอส่งการบ้านลุงพูนก่อนเลยนะครับ อายุผมก็ปูนนี้แล้วคงต้องอาศัยภูมิปัญญาจากลุงพูนเยอะๆ การบ้านอันดับแรกที่ทดลองทำเลยก็คือ ไข่ดองเปรี้ยว <<คลิ๊กอ่านต้นฉบับ
ที่เห็นมีเศษผงสีแดงๆ ก็เนื่องจากผมไปซื้อไข่ปลอดสาร ที่มีสกรีนพิมพ์วันที่เก็บไข่ลงบนเปลือกไข่ แล้วล้างออกไม่หมด ผมทำการดองในกล่องพลาสติคครั้งละหกฟอง (อีกฟองนึง ลงไปอยู่ในกระเพาะเรียบร้อยแล้ว) กับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล (ลุงพูนแซวว่าผมใช้ของแพง) เพราะปรกติ ผมก็เอามาชงดื่มโดยผสมกับน้ำผึ้งเป็นประจำอยู่แล้ว ปล่อยทิ้งไว้สามสี่วันไข่ก็จะมีลักษณะดังในรูปด้วยขนาดที่โตขึ้นกว่าเดิมประมาณ 20% (ด้วยหลักคณิตศาสตร์ชั้นประถมที่ว่าตอนแรกใส่ได้หกฟองพอดี แต่ตอนนี้แค่ห้าฟองก็เต็มพื้นที่ อิอิ)
จากนั้นก็เป็นกรรมวิธีในการดื่ม (ผมใช้ดื่มครับ) โดยนำมาชงร่วมกับชากระชายดำผสมน้ำผึ้ง ปรากฏว่าไม่มีกลิ่นคาวเลยครับ และโดยเฉพาะรสเปรี้ยวเล็กน้อยจะไปช่วยทำให้รสชาติโดยรวมน่าดื่มยิ่งขึ้น ในเดือนตุลาคมเมื่อผมทราบผลการตรวจสุขภาพประจำปี จะมารายงานผลให้ทราบอีกครั้งนะครับ (ที่ผมคาดหวังเอาไว้ก็คือระดับไขมันและปริมาณน้ำตาลในเลือด)
ส่วนการบ้านอันดับที่สองก็คือ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น <<คลิ๊กอ่านต้นฉบับ
ผมไปซื้อมะพร้าวขูดสองกิโล แล้วให้คั้นหัวกะทิโดยไม่ต้องเติมน้ำ (ใช้เครื่องไฮดรอลิคส์) ใส่ถุงได้ปริมาตรเกือบๆสองลิตร นำมาตั้งทิ้งไว้ในครัว วันรุ่งขึ้นก็เห็นชั้นของน้ำมันมะพร้าวแล้ว โอ....พระเจ้าช่วยกล้วยทอด อะไรมันช่างง่ายดายขนาดนี้ นับถือภูมิปัญญาชาวบ้านจริงๆ วางตั้งทิ้งไว้อีกคืน วันรุ่งขึ้นก็ปฏิบัติตามคำแนะนำของลุงพูน เจาะถุงปล่อยน้ำมะพร้าวชั้นล่างออก ให้เหลือแต่น้ำมันมะพร้าว (ในขั้นนี้ผมไม่ได้กรองเพราะว่าน้ำมันที่ได้ ใสบริสุทธิ์อยู่แล้ว และเนื่องจากไม่ได้ทำปริมาณมากๆ จึงไม่ได้ทำการนึ่งเพื่อไล่ความชื้นออก) ได้ปริมาณเกือบๆลิตร ด้วยต้นทุนมะพร้าวสองกิโล 66 บาท ในขณะที่น้องสาวผมซื้อผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้มาในราคาลิตรละ 550 บาท
วันรุ่งขึ้นจึงกลับไปที่ร้านขอซื้อแบบเดิมอีก 10 กิโลโดยแบ่งหัวกะทิใส่สามถุง พ่อค้าแปลกใจถามว่าเอาไปทำอะไรตั้งเยอะแยะ พอเล่าให้ฟังแกทำหน้าฉงนแล้วถามด้วยความสงสัยว่า "แล้วกะทิไม่บูดเหรอ" ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ เพราะเพิ่งทำเป็นครั้งแรก แต่ก็บอกให้เค้าลองทำดูแต่น้อยๆทีละสองกิโลก่อนก็ได้ เผื่อจะได้มีมีสินค้าแปรรูปขายเพิ่มมูลค่าอีกทางหนึ่ง ปรากฏว่าคราวนี้ให้ผลผลิตเป็นน้ำมันน้อยกว่าคราวที่แล้ว ผมคิดว่าคงเนื่องมาจากเหตุผลสองประการคือ
ข้อแรก คราวก่อนผมไปซื้อช่วงเช้า พ่อค้าบอกว่าเพิ่งปอกมะพร้าวเสร็จและเพิ่งได้มะพร้าวมาจากชุมพร (ข้อนี้น้องชายก็เสริมว่า มะพร้าวทางใต้มีน้ำมันมากกว่า) ส่วนครั้งหลังผมไปซื้อช่วงเย็นมะพร้าวคงปอกไว้นานแล้ว และพ่อค้าบ่นเรื่องมะพร้าวทางใต้แพงมาก ไม่แน่ใจว่าที่แกขายอยู่ไปเอามาจากไหน ไม่ได้ถาม)ประการที่สอง ครั้งแรกที่ผมซื้อตอนเช้า แล้ววางถุงกะทิทิ้งไว้ในรถ ขับตระเวณทำธุระเกือบทั้งวัน ไม่แน่ใจว่าการเขย่าถุงไปมา จะเป็นการกระตุ้นให้มีการแยกตัวของน้ำมันดีขึ้นหรือไม่
ทั้งสองประเด็นนี้ผมฝากเพื่อนๆสมาชิก เป็นข้อสังเกตุและช่วยกันต่อยอดภูมิปัญญานี้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งๆขึ้นไปด้วยครับ
ประโยชน์จากของเหลือ ตอนที่เจาะก้นถุงเพื่อให้น้ำมะพร้าวออกมา อย่าปล่อยทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์นะครับ จากคำแนะนำของลุงพูน ผมเอาไปรดกองปุ๋ยหมัก เพียงสองสามวัน ก็เห็นผลทันตา เชื้อราเดินกระจายไปทั่วทั้งกองปุ๋ยเลยครับผม ส่วนน้ำส้มสายชูหมักที่ใช้ดองไข่แล้วผมเก็บไว้แล้วให้ทางบ้านเป็นที่ทิ้งเปลือกไข่ อีกหน่อยผมจะได้สารละลายแคลเซี่ยมเข้มข้นเพื่อจะไปผสมกับกองปุ๋ยหมัก (ผมเคยขอเปลือกไข่จากร้านขายข้าวผัด วันๆเค้ามีเป็นร้อยนะครับ เค้าดีใจมากที่มีคนช่วยเอาไปทิ้งให้ บางทีถุงสกปรกก็หาถุงใหม่มาใส่ให้ด้วยซ้ำ)
Natural Fermentation Method เป็นชื่อของกรรมวิธีการสกัดน้ำมันมะพร้าวโดยการหมักแบบธรรมชาติซึ่งจะได้ผลดีจะต้องอาศัยปัจจัยต่างๆดังต่อไปนี้คือ
ผลมะพร้าวต้องแก่จัดแต่ยังไม่เกิดจาว (รากงอก)
ตัดมาจากต้นใหม่ๆ (ไม่เก็บไว้นาน)
ภาชนะที่ใช้ในการคั้นกะทิและถังหมักต้องสะอาด เพราะทั้งยีสต์และแบคทีเรียในอากาศจะเข้ามาปะปนและที่สำคัญสารตกค้างจากการล้างภาชนะด้วยสารซักล้างเป็นต้นเหตุที่สำคัญในการยับยั้งขบวนการหมักและทำให้เกิดฟองอากาศในน้ำกะทิ
อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 35-40 องศา ความชื้นไม่เกิน 75%
ถ้าต้องการใช้ประโยชน์สูงสุดจากน้ำกะทิ ให้นำถุงกะทิแช่เย็นไว้สามชั่วโมง แล้วแยกน้ำกะทิชั้นล่างไปทำอาหารได้
ชั้นกะทิแยกตัวในขั้นแรก
ส่วนชั้นบนแยกออกมาหมักต่ออีก 16-24 ชั่วโมง ภายนอกตู้เย็นที่อุณหภูมิและความชื้นดังกล่าว
เมื่อครบกำหนดการหมักแล้วจะเห็นชั้นต่างๆแยกออกมาอย่างชัดเจนห้าชั้นคือ ชั้นล่างสุดเป็นตะกอนของเสียจากการหมัก ชั้นถัดมาเป็นน้ำกะทิบูด (เอาไปราดกองปุ๋ยหมักได้ ถัดมาเป็นชั้นตะกอนน้ำมัน (สามารถนำเอาไปเคี่ยวเอาน้ำมันออกมาใช้ประโยชน์เป็นเครื่องสำอางค์ได้ แต่ไม่ควรบริโภคและไม่ควรนำไปผสมกับน้ำมันที่ได้จากวิธีรรมดา) ถัดมาเป็นชั้นของน้ำมันมะพร้าวที่ได้ และชั้นบนสุดอาจจะมีชั้นตะกอนน้ำมันชนิดแขวนลอย ซึ่งก็สามารถนำไปเคี่ยวสกัดน้ำมันออกมาได้อีกเช่นกัน ตะกอนน้ำมันนี้เมื่อสกัดน้ำมันออกไปแล้ว กากสามารถนำไปเป็นส่วนผสมในการทำเป็นปุ๋ยหมักได้เป็นอย่างดี
- บล็อกของ ลุงพี
- อ่าน 14249 ครั้ง
ความเห็น
Tui
14 กันยายน, 2010 - 09:23
Permalink
เห็น การบ้าน ลุงพี แล้ว
เห็น การบ้าน ลุงพี แล้ว อยากลอก มากครับ ไข่ดองน่าสนใจมากครับ ยิ่งลุงพี่ ใช้ น้ำส้มแอปเปิ้ล ด้วยยิ่งดีใหญ่ ครับ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น น่าลองครับ แต่มะพร้าวสดยังแพงอยู่มากเลยครับ รบกวนขอ ลอก เลยนะครัย ถ้าลอกแล้วได้ผลยังไง จะลงบล็อก ครับ ขอบคุณ ลุงพูน และ ลุงพี อีกครั้ง สำหรับข้อมูลดีๆ ครับ
ลุงพี
14 กันยายน, 2010 - 10:02
Permalink
ตุ้ยครับ
ถ้ามะพร้าวสดแพงและ Virgin Coconut Oil ที่นั่นราคาถูก ผมว่าซื้อใช้ดีกว่าครับ ลองคำนวณจุดคุ้มค่าของราคามะพร้าวสดสองกิโลกับน้ำมันมะพร้าวครึ่งลิตร อีกอย่างถ้าอุณหภูมิต่ำกว่า 25 c. ละก้อคงหมดหวังครับ ผมเคยไปทัสมาเนียเดือนมกรา เอาแต่ขาสั้นไปใส่ขายาวขึ้นเครื่องไปตัวเดียว ปรากฏว่าต้องซักแห้งเกือบอาทิตย์
พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง
Tui
14 กันยายน, 2010 - 10:06
Permalink
ขอบคุณ สำหรับข้อมูลเรื่อง
ขอบคุณ สำหรับข้อมูลเรื่อง อุณหภูมิ ครับ เป็น ตัวให้ชุกคิดเยอะเลยครับ ไข่ดองนี่ไม่น่าจะมีปัญหานะครับ
nuucat
17 กันยายน, 2010 - 18:27
Permalink
แวะมาบล็อกลุงพี
แวะมาบล็อกลุงพี เห็นลุงพีส่งการบ้านลุงพูน เลยอยากลองทำน้ำมันมะพร้าวบ้าง เพราะอ่านเห็นสรรพคุณต่างๆๆของน้ำมันมะพร้าวดีมาก วันนี้เลยสั่งแม่ค้าแถวที่พักให้ซื้อมะพร้าวมาให้ 3 โล แต่เค้าคั้นแบบใส่น้ำมาให้ แต่ใส่น้อยค่ะ แม่ค้าเค้าบอกว่าถ้าไม่ใส่น้ำแล้วจะคั้นยังไง ก็เลยต้องยอมๆๆให้ใส่ค่ะ เพราะคั้นเองไม่ได้และก็ความที่ไม่อยากเถียงกับแม่ค้าค่ะ พอตกเย็นมาออกไปดูผลงานมา ถุงมันบวมๆๆค่ะ ประมาณบวมมาก มันจะระเบิดมั้ยคะ ลุงพี แบบว่าหนูเห็นถุงแล้วแอบตกใจกลัวๆๆนิดหน่อยค่ะ กลัวมันระเบิด อิอิ ยังไงหนูขอความรู้หน่อยนะคะ ขอบคุณลุงพีและลุงพูนด้วยค่ะ ที่นำความรู้มาให้เด็กๆๆหัดลองอย่างหนูได้ทดลองทำอะไรที่ไม่เคยทำและมีประโยชน์ค่ะ
ความจนมีอย่างน้อยสามแบบ
(๑) จนเพราะไม่มี (จนวัตถุเงินทอง)
(๒) จนเพราะไม่พอ (มีวัตถุเงินทองแต่ไม่รู้จักพอ)
(๓) จนเพราะไม่เท่า (มีทุกอย่างแต่ยังเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ มีเหนือกว่า)
ลุงพี
18 กันยายน, 2010 - 02:12
Permalink
ระวัง ระเบิดกะทิสดป่วนเมือง
ขอบคุณ คุณnuucat
ที่ช่วยให้ผมทราบว่าที่พ่อค้ามะพร้าวขูดสงสัยนั่นคงเป็นความจริง
คืออะไร...จำได้มั๊ยครับที่เค้าถามผมว่า "แล้วกะทิไม่บูดเหรอ"
ทั้งหมดทั้งปวงผมว่าความสะอาดสำคัญที่สุด
ผมคิดว่าร้านค้าที่นั่นคงขูดมะพร้าวใส่กาละมังเตรียมไว้ชั่งกิโลขาย ซื้อมาแล้วต้องคั้นด้วยมือ (จึงจำเป็นต้องเติมน้ำ) จึงมีโอกาสที่กะทิจะบูดได้ก่อนที่น้ำมันจะแตกตัวออกมา (ลองอ่านดูข้างล่างที่ผมพาป้อมไปเดินหาซื้อกะทิในตลาด)
เอาหละ ทีนี้มาถึงคำว่าภูมิปัญญาชาวบ้าน ลุงพูนคงไม่ได้คั้นหัวกะทิด้วยเครื่องไฮดรอลิคส์แบบที่ผมไปซื้อมาจากตลาด อาจจะขูดด้วยกระต่ายขูดมะพร้าวแบบบ้านๆ แต่ที่แน่ๆ ผมมั่นใจว่าลุงพูนจะทำด้วยความระมัดระวังเรื่องความสะอาด เพราะรู้แก่ใจว่าจะเก็บกะทินี้ไว้สักสองสามวันโดยไม่บูด เวลาที่ผมทำไวน์ เวลาที่ชาวบ้านทำกระแช่ ข้าวหมาก เค้าจะไม่พูดกับใคร โบราณว่าของจะบูด เป็นกุศโลบายเรื่องความสะอาด เพราะในน้ำลายมีแบคทีเรียที่ทำให้อาหารบูดอยู่เยอะ
ผมได้การบ้านเพิ่มอีกแระ ต้องหากะทิมาคั้นเองกะมือโดยไม่บูด แล้วจะมาส่งการบ้านครับ
พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง
nuucat
18 กันยายน, 2010 - 19:21
Permalink
หนุแอบปล่อยลม ก่อนระเบิดค่ะ อิอิ
วันนี้ลองมองดู เห็นมะพร้าวแยกชั้นแล้วค่ะ ลุงพี เริ่มมีชั้นใสๆๆระหว่างกลางของกะทิที่แยกออกจากน้ำบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เยอะค่ะ หนูกะว่าจะไว้จนถึงพรุ่งนี้เท่าๆกับของลุงพี แล้วค่อยเจาะน้ำทิ้งค่ะ ยังไม่รุ้ว่าจะหมุ่หรือจ่า ยังไงหนูจะมารายงานให้ลุงพีทราบอีกครั้งนะคะ เมื่อวานแอบตกใจนิดหน่อย เลยโพสถามลุงพุน ลุงพี ให้วุ่นไปหมด ได้คำตอบจากลุงพูนว่าให้เปิดถุงปล่อยลมทิ้ง แต่ลุงพูนก็บอกอยุ่ว่าถุงเค้าขยายตัวได้ค่ะ แต่ลุงพูนก็แนะนำว่า ถ้ากลัวว่าจะระเบิดก็เอาเข้าตุ้เย็นได้ต่ะ รอตอนเช้าก็แยกน้ำทิ้งก็ได้ แต่บังเอิญตู้เย็นหนูไม่มีที่จะไว้เพราะเต็มไปด้วยของกินและเครื่องปรุงอาหารเต็มตู้ไปหมด ก็เลยไว้ข้างนอกแทน เพราะถามลุงพุนแล้วว่าไว้ข้างนอกก็ได้ ไม่เป็นไร แล้วหนูจะแวะมาแอบดุลุงพีส่งการบ้านอีกนะคะ อิอิ
ความจนมีอย่างน้อยสามแบบ
(๑) จนเพราะไม่มี (จนวัตถุเงินทอง)
(๒) จนเพราะไม่พอ (มีวัตถุเงินทองแต่ไม่รู้จักพอ)
(๓) จนเพราะไม่เท่า (มีทุกอย่างแต่ยังเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ มีเหนือกว่า)
แผน รณรงค์
17 กันยายน, 2010 - 23:04
Permalink
เป็นความรู้ใหม่
เป็นความรู้ใหม่ ตามมาจากบล๊อกลุงพูน มาเจอลุงพี อ่านไปขำไป สองลุงมาเจอกัน ความมันส์ก็เกิดขึ้นในทันใด ขอลอกๆ แต่ถามหน่อยใช้ใข่อื่นๆได้หรือเปล่า ไข่เป็ด ฯลฯ
ตามรอยพ่อคิด ด้วยวิถีชีวิต ที่เพียงพอ
ลุงพี
18 กันยายน, 2010 - 01:11
Permalink
แผน เคยกินไข่เป็ดลวกมั๊ยครับ
ผมว่าน่าจะได้นะถ้าคิดว่าตัวเองจะสามารถบริโภคได้
แต่ที่เค้าแนะนำเป็นไข่ไก่ คงเนื่องจากที่ต้องทานดิบๆ เพราะกลิ่นคาวของไข่ไก่น่าจะน้อยกว่าไข่เป็ด อีกอย่างที่ผมไม่แน่ใจคือความหนาของเปลือกไข่ (อันนี้ต้องถามลุงพูน) ไม่แน่ อีกหน่อยจะมีคนถามว่า ไข่นกกระจอกเทศเอามาดองได้มั๊ย
พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง
คนยอง
18 กันยายน, 2010 - 10:36
Permalink
ไข่ดองเปรี้ยว
เขามาศึกษาวิธีการทำของลุงพี่ และจำไว้
ถ้ามีโอกาสจะทำบ้าง น่าจะพอทำได้
ขอบคุณสำหรับขั้นตอนการทำอย่างละเอียด ครับลุงพี
ตอนนี้ขอปลูก ปลูก ปลูก ก่อน
สายพิน
18 กันยายน, 2010 - 11:12
Permalink
แวะมาดูการบ้านค่ะ
คุณ ลุงพี
แวะมาดูการบ้านค่ะ
มีฝีมือจริงๆค่ะ
ขอชื่นชมผลงานน่ะค่ะ
หน้า