.........ที่มา ๑๙ หลานศิษย์.........

หมวดหมู่ของบล็อก: 



ในช่วงเรียนมัธยมต้น ผมเคยเห็นกล้องกระดาษยี่ห้อโกดักชนิดที่ถ่ายแล้วทิ้ง ผมคิดเอาเองประสาเด็กบ้านสวนบ้านนอกคอกนาว่า หากผมมีกล้องชนิดนี้ผมจะถ่ายภาพที่อยู่ในหัวออกมาให้เป็นอย่างที่สายตาเห็นให้ได้ ในใจคิดว่าขอเพียงมีกล้อง ผมก็สามารถทำได้โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่าการถ่ายภาพเพื่อให้ได้อย่างที่สายตาเห็น หรือสวยกว่านั้นต้องประกอบด้วยปัจจัยมากมายร้อยแปด

ก่อนจบม.สามจำได้ว่าตัวเองชอบรื้อปรับแก้และจูนวิทยุเอเอ็มเล่น ต่อสายลำโพงออกมาไว้ข้างนอกตัวเครื่องตั้งแต่เรียนชั้นประถม คิดเอาเองว่าตัวเองคงชอบเรียนวิชาในสายงานช่างอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งที่อ่อนวิชาคณิตศาสตร์อย่างมากมาย  

ครั้นได้เรียนต่อในสายนี้ วันหนึ่งเผลออ่านคอลัมน์ “เขาเริ่มต้น” ของลุงอาจินต์ ปัญจพรรค์ในยุคฟ้าเมืองทองในห้องสมุดประจำโรงเรียนช่างเทคนิค พลัดหลงเข้าไปในโลกจินตนาการของนักเขียนใหม่บางคน แล้วคิด – เว้ยเฮ้ย..มีคนพูดอย่างที่เราคิดเลยเว้ยเฮ้ย อย่างนี้เราน่าจะเขียนได้นี่หว่า ว่าแล้วก็เขียนในสมุดเรียน ก่อนแยกมาไว้ในสมุดบันทึกต่างหาก

ตั้งแต่นั้นมา...เลยค่อนข้างจะค้นพบตัวเองแล้วว่าเราคงพูดคุยกับคนอื่นได้ไม่รู้เรื่อง(ด้วยปาก)เท่ากับการถ่ายทอดด้วยการเขียน(ความคิด)

ถึงอย่างนั้นผมก็สามารถเรียนต่อจนจบปวส.ด้วยเกรดเฉลี่ยที่พอยอมรับได้ด้วยการทำงานระดับเบี้ยล่างของพวกวิศวกร

เพื่อที่จะพบว่าเราเองชอบศิลปะแทบทุกแขนงบนโลกนี้

 

จะว่าไป...แทบทุกคนบนโลกนี้ล้วนเป็นแบบนี้ ค้นพบภายหลังว่าเราไม่ได้ชอบอย่างที่เราเป็น จะเป็นด้วยความความจำเป็นหรือสมยอมก็ตาม

ในช่วงที่ทำงานในย่านอุตสาหกรรมแถบบางพลี สมุทรปราการในยุคที่ผมเข้าไปเผชิญโลกในเมืองใหญ่ ผมเริ่มเขียนงานบางชิ้นส่งแล้วได้ลงตีพิมพ์พอให้เป็นกำลังใจว่าเราเองไม่ได้ชอบผิดทิศผิดทางไปอีก แม้จะมีสิ่งเร้าด้านอื่นมายั่วยุก็ตาม

ได้มาทำงานกินนอนอยู่ในโรงงาน ยิ่งเห็นภาพบางภาพที่ติดตาผมมาจนถึงทุกวัน ภาพของสาวโรงงานในชุดยูนิฟอร์ม เดินเข้าออกโรงงานเป็นเวลา เมื่อเสียงออดเตือนเวลาทำงาน เวลาพักเที่ยง เวลาเลิกงาน มองด้วยสายตานกแล้วหมุนภาพให้เคลื่อนด้วยสปีดเร็วมองเห็นเป็นคลื่นมนุษย์วิ่งเข้าวิ่งออกกล่องเหลี่ยมๆ ทั้งวันทั้งคืน ทุกวัน...

ช่วงนั้นผมเขียนบันทึกชีวิตไว้เยอะมาก และนับเป็นช่วงเดียวกันกับที่ผมเริ่มสนใจวิชาการถ่ายภาพอย่างจริงจังด้วยว่าเผลอไปอ่านงานเขียนสารคดีท่องเที่ยวของใครบางคนแล้วพบว่าเฮ่ย...แบบนี้ตรูก็เขียนได้ ถ่ายภาพแนวนี้ ถ้าตรูมีกล้อง ตรูก็ถ่ายภาพมาประดับงานเขียนได้..

และแล้วก็มาถึงการอ่านหนังสือถ่ายภาพร่วมกับพี่ในโรงงานบางคนจนเข้าใจว่ากล้องสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว(SLR)ทำงานอย่างไร โดยไม่เคยรู้จักหรือจับกล้องตัวเป็นๆ มาเลยในชีวิต

 

ผมกับพี่คนนั้นแลกเปลี่ยนความรู้กันและกันอยู่จนหมดตำรับตำราให้ศึกษา แกบอกผมไว้ถ้อยหนึ่งผมจำได้เลาๆ ว่า ซักวันน้องจะเป็นนักถ่ายภาพและนักเขียนสารคดีแน่ๆ

ผมรู้ว่าแกพูดเล่นๆ ไปอย่างนั้นเอง โดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัวว่าผมเองหากินมากับการเขียนสารคดีท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มาหลายชิ้นงานในหลายนิตยสารในเวลาต่อมา

หลังจากนั้นอีกปีเดียว โรงงานรีไทร์พนักงานออก ผมโชคดีเป็นหนึ่งในนั้น ได้เปลี่ยนงานมาทำงานที่พอมีเวลาและเงินมากพอที่จะถอยเลนส์ออกมาเชยชมก่อน อีกไม่กี่เดือนต่อมาผมซื้อกล้อง ด้วยเหตุผลว่าถ้าซื้อกล้องก่อน คงไม่ได้ซื้อเลนส์ตัวนี้ในราคานี้(ในยุคนั้น) 

กล้องพร้อม ความรู้ในทฤษฏีพื้นฐานการใช้กล้องก็จำจนขึ้นใจ จากนั้นก็ลงมือเรียนด้วยการลงมือถ่ายภาพ ขยับขยายจากฟิล์มสีมาเป็นฟิล์มสไลด์ เดินทาง เขียน ส่งเรื่องไปที่นั่นที่นี่เพื่อแลกกับค่าฟิล์มและค่ารถเดินทาง 

ช่วงเวลานั้นเองที่ผมชวนเพื่อนหลายคนมาเล่นกล้องและสอนวิธีการใช้กล้อง พาไปเลือกซื้อ ฯลฯ จนเพื่อนหลายคนให้เครดิตผมเป็น “ครู” ในการสอนวิชาพื้นฐานการถ่ายภาพให้เขากระทั่งถึงเวลานี้ก็ตามซึ่งผมเองก็ปลาบปลื้มไม่น้อย

เพื่อนผมบางคนที่ผมเคยสอนพื้นฐานการถ่ายภาพให้บอกผมว่า ความเป็นครูมันลาออกจากใจคนที่เป็นศิษย์ไม่ได้ เป็นแล้วก็ต้องเป็นกันจนตายจากกันเลยทีเดียว



..เออว่ะ...ผมเห็นด้วย

เพื่อนผมอีกคนหนึ่งเห็นงานมีดของผมในบ้านสวน แล้วชี้ชวนให้เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ดู เพื่อนร่วมงานคนนั้นเป็นลูกศิษย์ของเพื่อนผมในเรื่องของการถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอลชนิดสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว(DSLR)

เขาบอกลูกศิษย์ต่างวัยของเขาว่านี่คือผลงาน(มีด)ของคนที่สอนเขาถ่ายภาพคนแรก ครับ..ผมก็เลยกลายเป็นว่าที่อาจารย์ปู่ไปโดยปริยาย

และนี่คือมีดที่หลานศิษย์ของผมคนนี้ รังสรรค์ขึ้นมาจากเหล็กแหนบรถไฟที่แข็งโป๊ก หวดกันจนปวดบั้นเด้า เข้าด้ามด้วยไผ่ป่าที่ขุดมาจากต้นไผ่แก่ที่เหลือแต่ตอจากลพบุรี เป็นชิ้นงานที่ผมมีความสุขมากที่สุดชิ้นหนึ่งในบรรดาหลายชิ้นที่ผ่านมา หวังว่ามีดเล่มนี้จะเป็นมีดสาระพัดประโยชน์ ที่ใช้ในสวน ในชีวิตประจำวันได้มากน้อยตามสมควรแก่เหตุ

นะ..ชีวิตคนหนึ่งคนจะว่าแปลกก็แปลก จะว่าไม่แปลกก็ได้ ปลายทางของชีวิตนำพาไปหนไหนไม่เคยรู้ล่วงหน้า แต่หากคิดสะระตะแล้วจะพบว่าแท้ที่จริงมันเป็นอย่างที่เราตั้งไว้ในใจลึกๆ เสมอ

ขอเพียงทำอย่างที่เห็นภาพในสมองครั้งแรกว่าตรูน่าจะทำได้ – ซักวันคุณก็ทำได้

ผมหมายถึงทุกเรื่องที่ดีต่อตนเองและสังคมเท่านั้น


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

...............................................................

ความเห็น

มีดสวย ๆ ทั้งนั้น แต่แหลมจัง

 

 

msn:lekonshore@hotmail.com

ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร

ขอบคุณครับ

ออกปากรุนท็อกที !!!

บันทึกเยี่ยม ทำมีดยอด รูปถ่ายสุโค้ย ....

ขอบคุณครับ..

ออกปากรุนท็อกที !!!

ชอบหมดเลย..โดยเฉพาะอย่างยิ่งลวดลายธรรมชาติของด้ามมีด..คุณนี่ช่างสรรหาจัง..ชื่นชมปรบมือให้....ปรมาจารย์

ต้องยกความดีให้ เพื่อนผมที่ลพบุรี เจ้าของสวนไผ่ตะวันส่องครับ..เขาออกตรเวณหาำผ่แก่จากป่า เหลือแต่ตอ ขุดมาให้ผม อย่าลยากลำบาก..

น้ำใจเดินทางไกลมาถึงสวนขี้คร้านบ้านผม..

ออกปากรุนท็อกที !!!

คุณสายลมลอยจังเลยค่ะ  อิ๋วก็เรียนจบนิเทศศาสตร์ สาขาโฆษณาประชาสัมพันธ์ค่ะ วิชาเลือกก็ลงหนังสือพิมพ์ึ้ค่ะ แต่จบแล้วไม่ได้ใช้อะไรเลย ค่ะ ต้องมาเป็นฉันทนา (สาวโรงงานค่ะ)  คุณสายลมทำมีดสวยค่ะ แต่ต้องพยายามดูความเหมาะสมของคนใช้ค่ะ  แล้วงานก็จะยิ่งออกมาดี สู้สู้ค่ะ 

ทุกวินาทีมีค่า ถ้าเรามีความหวังเราจะไม่เคยพ่ายแพ้

ขอบคุณมากครับ

ออกปากรุนท็อกที !!!

เป็นท่านหนึ่งที่นี


ได้ยินชื่อและพยามคิดว่าสักวัน


คงได้อ่าน บล็อค ของท่าน แต่ว่า


ไม่แน่ใจว่าคุณสายลมลอย เอารูปไปฝากไว้ที่ไหน


นีเข้าดูรูปไม่ได้(เนื่องจากที่ทำงานล็อค) ได้แต่อ่านขอความ


เป็นคนที่ เล่าเรื่องได้ น่าสนใจมาก มีความคิดว่าสักวันคงมีโอกาส


ได้เห็นมืด บ้างแต่จริงๆๆ อยากเห็นหน้าคนทำมืด กับ คนเขียนมากกว่า


บล็อค ของคุณสายลมลอย กะ คุณ 2s  นีไม่สามารถเห็นได้เลย  น่าสงสารป่ะ

บล็อคผมจะไม่มีหน้าผม พอๆ กับที่ฝากรูปถ่าย..ไม่มีหน้าผมเช่นเดียวกัน....

แต่นั่นแหละ...ใบหน้าไม่ใช่สาระสำคัญ

ใช่ไหม?

ขอบคุณครับ ที่ติดตามกัน




ออกปากรุนท็อกที !!!

หน้า