อยากให้คนที่ทานข้าวนอกบ้านประจำ ได้อ่าน
เหตุการณ์เล็ก ๆ ที่จุดประกายให้ลุกขึ้นมาปลูกผักตะกร้าและหัดทำกับข้าว
แม่ข้าวเหม่าเป็นอีกคนที่ฝากท้องไว้กับร้านข้าวแกงมีชื่อ ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าดัง ร้านอร่อยแถวตลาดใกล้บ้าน เป็นเจ้าแม่แกงถุงทานกันเป็นประจำจนได้ชื่อว่าเป็นลูกค้าประจำ เรื่องมันบังเอิญ
บังเอิญรอบแรก วันนั้นแม่ข้าวเหม่าไปซื้อของใช้ที่แมคโครใกล้บ้าน สิ่งที่ไม่ควรเห็นก็คือ เห็นเจ้าของร้านข้าวแกงเจ้าประจำกำลังคุ้ยเศษผักที่ใกล้เน่า และเหลือจากการที่พนักงานเขาตัดแต่ง แล้วทางแมคโครเขาเอามาลดราคา เขาเลือกไว้ 2 ถุงใหญ่ ๆ ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า อาจคิดว่าวันนี้คงจะได้กำไรอย่างงาม
บังเอิญรอบสอง เที่ยง ๆ ที่ต้องทานเป็นปรกติก็คือร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหมูเจ้าประจำเช่นเคย วันนี้มากับพ่อข้าวเหม่าตอนทานก๋วยเตี๋ยวก็เหลือบไปเห็นเด็กในร้านกำลังซอยผักบุ้งอยู่ สังเกตว่า ทำไมผักบุ้งที่เขาซอยคือหยิบออกมาจากถุงพลาสติกใบใหญ่และผักบุ้งก็ยังมีใบตองห่ออยู่เลย เด็กหยิบออกมาตัดตรงโคนออกแล้วหั่นกันไปด้วยความชำนาญ ตกลงนี่เรากำลังนั่งทานผักบุ้งเคลือบยาฆ่าแมลงแบบเต็มพิกัดกันอยู่หรือนี่ ยังทานไม่หมดก็ต้องเรียกเขามาคิดเงินและเดินออกมาอย่างมึน ๆ สิ่งที่เห็นก็คือร้านนี้โต๊ะเต็ม ยังมีหลายคนที่ยังไม่มีโต๊ะนั่ง
เรื่องที่สามไม่บังเอิญตั้งใจสังเกต ข้าวหมูแดง หมูกรอบ แสนอร่อยเจ้าโปรดของพ่อข้าวเหม่าคิดอะไรไม่ออก ก็ข้าวหมูแดง หมูกรอบแล้วกัน ทานทีไรก็ต้องขอสองทุกครั้งไป สิ่งที่แม่ข้าวเหม่าสังเกตคือผ้าที่เขาใช้เช็ดมีดกับเขียงที่ใช้หั่นหมู มันคือผ้าขี้ริ้วที่เด็กใช้เช็ดโต๊ะแล้วเอาไปพาดไว้ที่ราวรถเข็น พอคนหั่นหมูเขาจะเช็ดเศษหมูเขาก็คว้าผ้าผืนนั่นแหละไปใช้ วันนั้นเลยกลับมาต้มม่าม่าที่บ้านดีกว่า
หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่คนในสังคมเมืองที่ต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้าถึงดึก ต้องทำงานทั้งพ่อบ้านแม่บ้านเพื่อให้พอค่าใช้จ่ายที่จำเป็น หรือไม่จำเป็นแต่คิดว่าจำเป็นเพราะว่าใคร ๆ เขาก็มี เพื่ออะไรกันเงินที่อดออมไว้ คงไม่ได้ใช้อะไรมากไปว่าเป็นค่ารักษาพยาบาลที่แพงหูฉู่ฉี่ในอนาคต นี่เขาเรียกว่าคุณภาพชีวิตของคนเมืองไงค่ะ
จากเหตุการณ์เหล่านั้น แม่ข้าวเหม่าตัดสินใจแล้วว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตัวเองและคนที่รัก โดยเริ่มจากหัดทำกับข้าวทานเองที่บ้าน แรกๆ ต้องถึงกับเททิ้ง แม้แต่ข้าวเหม่ายังไม่เตะ ปัจจุบันสามารถชวนเพื่อนฝูงมาทานข้าวที่บ้านได้อย่างไม่อายใคร เมื่อทำกับข้าว สิ่งที่ต้องใช้คือวัตถุดิบ จึงเริ่มปฏิบัติการรื้อสวนไม้ดอกที่บ้าน ให้เป็นสวนไม้แดก (ขออภัยที่ต้องใช้คำนี้) ลงจากส้นสูงมาใส่บูทยางปลูกผักสวนครัวตะกร้าตามกำลังและพื้นที่จะอำนวย สิ่งที่ปลูกไม่ได้ด้วยพื้นที่จำกัด อากาศไม่เป็นใจ ก็ซื้อผักที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ เดี๋ยวนี้มีคนนิยมมากขึ้น ราคาไม่แพงมากเหมือนแต่ก่อน อาจจะแพงกว่าผักธรรมดาประมาณ 10% ถ้าคิดว่าเป็นการลงทุนระยะยาวกับสุขภาพก็ถือว่าสุดคุ้ม ทำอย่างนี้มาได้ 4 ปีเต็ม ผลที่ได้ก็คือ พ่อข้าวเหม่าที่เป็นภูมิแพ้ เป็นไข้สามวันดีสี่วันไข้ เป็นหวัดตลอดเวลา ไปหาหมอทีได้ยามาเป็นถุง ๆ เดี๋ยวนี้ปีหนึ่งจะเป็นหวัดสักครั้ง แม่ข้าวเหม่าจากที่ยกกระดาษสักรีม ก็แถมไม่ไหว ตอนนี้ยกดินได้เป็นกระสอบ ๆ เขาถึงว่า "You are what you eat."
- บล็อกของ ข้าวเหม่า
- อ่าน 5406 ครั้ง
ความเห็น
น้อย สวนบุรีรมย์
23 กันยายน, 2010 - 13:24
Permalink
จริงครับ
จริงครับ ที่ไหนเดี๋ยวตอบหลังไมค์ เดี๋ยวผู้ใหญ่บ้านเดือนร้อน
สวนเกษตรบุรีรมย์การเกษตรแบบเสาร์เว้นเสาร์ เน้นที่เราปลูกเองกินเอง
บริการจัดทำและดูแลเว็บไซต์ ถูก ดี มีประสิทธิภาพ
apiwat
23 กันยายน, 2010 - 12:51
Permalink
ชงเองกินเองชัวร์สุด
ทำกินเองก็คงชัวร์ที่สุดแล้วเพราะมือเราเองนี่นา ใครจะมาว่าได้จริงป๊ะ
ดวงหทัย
23 กันยายน, 2010 - 13:19
Permalink
น่ากลัว
เปลี่ยนมากินผักที่ปลูกเองก็ดีค่ะ จะได้ปลอดจากยาฆ่าแมลง
แต่ตอนนี้สิ่งที่เราเลี่ยงไม่ได้คือ ข้าวสาร สารเคมีตกค้างจากทุ่งนา ยาฆ่าแมลง สารเคมีจากโรงสี ยาอบมอด ยากันราเพราะเรายังคงต้องซื้อข้าวสารกินกันอยู่
tantawan-ตะวัน
23 กันยายน, 2010 - 13:38
Permalink
ฝากท้องนอกบ้าน
เคยเจอแม่ค้าแถมฝอยขัดหม้อมาในถุงแกงเหมือนกันค่ะ ยิ่งพวกปลาสลิดทอด เคยถามแม่ค้าว่าล้างก่อนหรือเปล่า แม่ค้าตอบอย่างมั่นใจ "ไม่ได้ล้างค่ะ" นึกแล้วแทบอวก.. เพราะเห็นที่หาบขายแมลงวันตอมเต็มไปหมด ไหนจะฝุ่นอีก เฮ้ออ...อนาจใจจริงๆ
ลุงพูน
23 กันยายน, 2010 - 20:14
Permalink
คุณtantawan-ตะวัน
กำลังคิดๆอยู่ว่า จะไปต่อจากของใครดี แต่พอมาเจอ ฝอยขัดหม้อ ในแกงถุง ผมว่าความรุนแรงของฝอยขัดหม้อในพุงเรา หนักกว่า ปลาสลิดทอดที่ไม่ได้ล้างครับ
ฝอยขัดหม้อนี่ ถ้าหลุดเข้าไปในพุงเรา จะเกิดอะไรขึ้น ฝอยขัดหม้อปัจจุบัน เป็นโลหะสแตนเลส ซึ่งมีความทนทานในการขัดหม้อได้นาน ขัดได้แวววาว หากเข้าไปขัดในพุงเรา โดยเฉพาะบริเวณลำใส้ ที่มี Villi ก็จะโดนขัดไปด้วย
สายพิน
23 กันยายน, 2010 - 13:55
Permalink
ข้อสังเกตนี้
ข้อสังเกตนี้ ไม่น่ามองข้ามเลยค่ะ
ถ้าเป็นไปได้ก็น่าจะได้ปลูกผักกินเอง หนียาฆ่าแมลง ทำกินเอง หนีสารแต่งสี กลิ่น รส
ขอบคุณที่ตอกย้ำความคิดให้เด่นชัดขึ้น
Tui
23 กันยายน, 2010 - 13:58
Permalink
เห็น ด้วย ครับ
เห็น ด้วย ครับ
แดง อุบล
23 กันยายน, 2010 - 14:12
Permalink
ดีแล้วค่ะ
ทำกินเองดีที่สุดค่ะ แดงทั้งปลูกเองกินเอง ไม่ค่อยได้ออกไปกินข้าวนอกบ้านหรอกค่ะ ดีหน่อยที่บ้านแม่จะชอบทำกับข้าวค่ะ ทุกคนจะกินข้าวพร้อมหน้ากันทุกครั้งค่ะ แม้ข้าวเที่ยงแดงยังต้องกลับไปกินที่บ้านเลยค่ะ
"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"
มาย
23 กันยายน, 2010 - 14:12
Permalink
ดีที่สุด..
ทำกับข้าวทานเอง ประหยัดและปลอดภัยดีที่สุดค่ะ
there is a will , there is a way .
bnakorn
23 กันยายน, 2010 - 14:16
Permalink
ทำทานเองดีที่สุดครับ
ทำทานเองดีที่สุดครับ เราควบคุมทุกอย่าง ถึงจะไม่ค่อยอร่อยสำหรับคนอื่นแต่มันก็ปลอดภัยครับ
เรียกง่ายๆว่า ขวัญก็ได้นะครับ my nickname
หน้า