นิพพานอยู่แค่ปลายจมูก
หมวดหมู่ของบล็อก:
Keywords:
ในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้ประจักษ์แก่ตนเองแล้วถึงคำที่ว่า
"นิพพานอยู่แค่ปลายจมูก"
แต่อย่าได้คิดเลยเถิดไปไกลเชียวนะว่าข้าพเจ้าได้พบได้เห็นถึงสภาวะนิพพานแล้ว (คงอิกไม่เกินเจ็ดชาตินะ เห็นเค้าว่าไว้อย่างนั้น) กล่าวคือหลังจากที่ข้าพเจ้าได้ค้นหาแก่นธรรมมานาน แบบเป็นข้ออ้างไม่เข้าวัดเข้าวา ว่าไปวัดทำไม? สวดมนต์ไหว้พระไม่เห็นได้อะไรที่เป็นแก่นสาร สาระสำคัญของพุทธศาสนาอยู่ไหน? จนได้อ่านหนังสือของท่านพุทธทาส และเรื่องราวเกี่ยวกับพระอริยสงฆ์อีกหลายๆรูป ทำให้เกิดศรัทธาและมีแรงใจว่า หนทางหลุดพ้นยังพอมี ยิ่งด้วยความบังเอิญที่ได้ไปอ่านหนังสือของท่านสันตินันท์ (นามปากกาของพระปราโมทย์ ปราโมชโช ขณะที่ท่านยังไม่ได้บวช) ที่มีชื่อว่า "วิมุตติปฏิปทา" ซึ่งแปลว่าหนทางแห่งการหลุดพ้น ทำให้ได้กำลังใจอิกโข
เอ....ธรรมะเป็นของทุกคน ฆราวาสก็ปฏิบัติได้ สมาธิไม่คัญ (เพราะเราเป็นคนชอบคิดมากซะด้วยซี) ไม่ต้องไปนั่งภาวนาเป็นวันๆ ใช้วิธีดูจิตเอาเลย โอ้โห...อะไรจะปานนั้น
หลังจากศึกษาดูงาน ค้นคว้า อ่านหนังสือ ทดลอง และในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้มีโอกาสไปเข้าหลักสูตรอบรมกรรมฐานที่วัดโสมนัสฯ เป็นเวลาถึงเจ็ดวัน พระเดชพระคุณท่านเจ้าอาวาสได้ให้ความกรุณาดำเนินการสอนด้วยตนเอง พอเริ่มเป็นก็ลุ้ย.....
ตระเวณหาที่ปฏิบัติตามวัดต่างๆ ทราบข่าวว่าที่วัดมเหยงค์ มีอบรมวิปัสสนาแบบปิดวาจาเป็นเวลาสิบวันก็รีบบึ่งไปเลย (ความจริงวัดอยู่ที่อยุธยานะ ไม่ได้ไปเลยอย่าเข้าใจผิด) เคยศึกษามาว่าท่านสอนแบบปรมัติเลยสนใจมากแต่ผิดหวังครับ ท่านไม่จัดอบรมในปีนี้
แต่อาจจะเป็นด้วยผลบุญที่ได้เคยกระทำมาในอดีตชาติ ทำให้ข้าพเจ้าได้ไปอ่านพบเข้าในอินเทอร์เน็ท ถึงสถานที่ปฏิบัติวิปัสสนาของท่านอาจารย์โกเอ็นก้า เลยเลือกที่จะไปปฏิบัติที่ศูนย์เมิองกาญจน์ เพราะเคยผ่านๆไปละแวกนั้นแล้วชอบ (มีศูนย์ในเมืองไทย 6 แห่ง และมากกว่าร้อยแห่งทั่วโลก) เดินทางไปวันที่ 12 กันยายน 2550ที่ผ่านมา โดยไปขึ้นรถบัสที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน เพราะมีกฏระเบียบสำหรับผู้เข้าปฏิบัติครั้งแรกห้ามนำรถไปเอง ได้บรรยากาศไปอิกแบบ นึกถึงการไปทัศนาจรสมัยเรียนแต่แตกต่างกันมาก พบแต่คนแปลกหน้า (บางคนก็หน้าแปลกๆ)
ยืนรอและนั่งรอรถเป็นชั่วโมง เดินทางไกลมากกก......... (เคยขับรถมาเองไม่เห็นไกลขนาดนี้) ไปถึงเกือบห้าโมงเย็นมีการแนะนำปฐมนิเทศน์ เวลาประมาณทุ่มนึงก็เริ่มเข้าห้องปฏิบัติกันเลย พอสองทุ่มก็ให้กรรมฐานลองปฏิบัติสักครู่ก็แยกย้ายกันพักผ่อน กฏเหล็กของที่นี่ห้ามพูดคุยสื่อสารกันเองและภายนอก โทรศัพท์มือถือโดนเก็บหมด หลายคนเป็นห่วงเรื่องการปลุกตอนตีสี่ของทุกเช้า กลัวจะไม่ได้ยินเสียงระฆัง พอเอาเข้าจริงตื่นก่อนทั้งนั้น (นอนไม่ค่อยหลับซะมากกว่า)
ระฆังปลุกตีสี่ มีเวลาทำธุระส่วนตัวครึ่งชั่วโมงก็ถึงเวลาปฏิบัติรอบเช้าสองชั่วโมง ถึง 6:30 น. ก็มารับประทานอาหารเช้า เนื่องจากทุกคนต้องถือศีลห้าอย่างเคร่งครัด เลยทานอาหารมังสะวิรัติวันละสองมื้อ มื้อเย็นเป็นน้ำปานะ (ความจริงน่ะเหมือนถือศีลแปดเลยนะ เพราะอิกสามข้อก็ไม่มีทางได้ทำผิดเนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่อำนวย) พอถึงเวลา 8:00 น.ก็เข้าปฏิบัติอีกสองช่วงจนถึง 11:00 น. ก็ได้เวลาอาหารกลางวันและพักผ่อน เริ่มปฏิบัติช่วงบ่ายอีกสองช่วงตั้งแต่ 13:00 น. จนถึงเวลา 17:00 น. พักดื่มน้ำปานะและพักผ่อนอริยาบท เริ่มรอบค่ำเวลา 18:00 น. จนถึงเวลา 21:30 ซี่งในช่วงนี้จะมีการบรรยายธรรมและให้กรรมฐานใหม่ด้วย
เป็นไงครับท่านปฏิบัติวันละสิบสองชั่วโมง ไม่มีสวดมนต์ ไม่มีเดินจงกรม สามวันแรกให้กรรมฐาน อานาปานสติ พอวันที่สี่ก็ขึ้นวิปัสสนาเลย พอเข้าวันที่เจ็ด ข้าพเจ้าก็ได้ประจักษ์ชัดถึงคำที่ว่า
"นิพพานอยู่แค่ปลายจมูก"
กล่าวคือไม่ได้อยู่ที่ไหน ไขว่ขว้าหาไปก็ไม่เจอ คิดก็ไม่รู้ ดูก็ไม่เห็น ต้องรู้ด้วยใจ(จิต)ของตนเอง
ศีล สมาธิ ภาวนา ขั้นตอนของไตรสิกขา ได้ถูกนำมาปฏิบัติอย่างเป็นขั้นเป็นตอนที่นี่ ผลที่ได้คือข้าพเจ้าได้เริ่มต้นชั้นอนุบาลของวิปัสสนาแล้ว ณ.ที่แห่งนี้ ตระหนักแล้วถึงการบำเพ็ญเพียรของเหล่าอริยะเจ้าทั้งหลาย
ดูกายเห็นเวทนา
ดูเวทนาเห็นจิต
ดูจิตเห็นธรรม
สำนึกในกรุณาธิคุณของท่านอาจารย์โกเอนก้าและ มูลนิธิส่งเสริมวิปัสสนากรรมฐาน หากมีเวลาคงได้มาปฏิบัติอีกแน่นอน แล้วจะมาเล่าความคืบหน้าให้อ่านอีกนะครับท่านสมาชิกที่รักทุกท่าน
- บล็อกของ ลุงพี
- อ่าน 7431 ครั้ง
ความเห็น
น้ำหวาน
23 กันยายน, 2010 - 23:40
Permalink
ลุงพีคะ
อ่านแล้วอยากปลงจังค่ะ ถ้าทำได้คงจะดีกับตัวเรานะคะ
ลุงพี
24 กันยายน, 2010 - 00:06
Permalink
ปลงอนิจจังดีกว่าครับ คุณน้ำหวาน
ขอให้ได้เห็นได้รู้ถึงความจริงหรือปลงได้แล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วน
อนิจจัง (ทุกสิ่งไม่เที่ยง)
ทุกขัง (ทุกสิ่งไม่จีรัง)
อนัตตา (ทุกอย่างไม่น่ายึดมั่นถือมั่น)
พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง
9wut
23 กันยายน, 2010 - 23:43
Permalink
อนุโมทนา สาธุ
อนุโมทนา สาธุ
อนุโมทนา สาธุ
อนุโมทนา สาธุ
วิธีลงรูปประจำตัว |การใช้งานเว็บบ้านสวน |การแทรกรูป |การแทรก VDO
witlessness
23 กันยายน, 2010 - 23:50
Permalink
สาธุ สาธุ สาธุ
ผู้น้อยขอคำชี้แนะ ขอฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยคนนะครับ
สนใจปฏิบัติธรรมจริงๆครับ
ลุงพี
23 กันยายน, 2010 - 23:56
Permalink
เชิญเลยครับวิทย์
ถ้าพอสละเวลาได้สองอาทิตย์ เชิญตามลิงค์ที่ให้ไว้เลยครับ
พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง
ชวิน
24 กันยายน, 2010 - 00:07
Permalink
ลุงพี
พระอาจารย์ บางท่านให้ภาวนาตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรหายใจเข้าออก
ให้มั่นภาวนา นะครับ ก็ทำให้ได้ผล มีสติ สมาธิ
พอเพียงเพื่อเพียงพอ
jabee_68@hotmail.co.th
ลุงพี
24 กันยายน, 2010 - 00:20
Permalink
ครับคุณชวิน
อาจารย์ทุกท่านเป็นห่วงพวกเราน่ะครับ ท่านจะเตือนเสมอว่า ให้หมั่นภาวนา ภาวนาให้มากๆ ภาวนาให้บ่อยๆ
พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง
nuucat
24 กันยายน, 2010 - 00:21
Permalink
อนุโมทนา สาธุค่ะ
อนุโมทนา สาธุค่ะ เมื่อก่อนก็เคยได้ไปปฎิบัติในวัดอยู่บ้าง แต่เป็นวัดสังฆทานพระรามห้าค่ะ ที่นั่นทานอาหารแค่มื้อเดียว เวลาตักอาหารจะให้ถือกาละมังพลาสติ๊กคนละ 1 ใบ ให้ใส่ทุกอย่างรวมกันค่ะ เห็นครั้งแรกทำใจแทบไม่ได้ค่ะ แต่ก็เลี่ยงๆๆตักแยกๆๆกันไว้ค่ะไม่กล้าตักรวมกันค่ะ ยังใจไม่ถึงพอ แต่ก็ได้อะไรกลับมามากมายค่ะ อย่างน้อยแคทก็รุ้จักวางบางเรื่องได้ รู้จักที่จะคิดในบางสิ่งและทำสิ่งนั้นให้ดีขึ้น ดีใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย ได้นับถือศาสนาพุทธ ทำให้ได้มีโอกาศศึกษาในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าค่ะ
ความจนมีอย่างน้อยสามแบบ
(๑) จนเพราะไม่มี (จนวัตถุเงินทอง)
(๒) จนเพราะไม่พอ (มีวัตถุเงินทองแต่ไม่รู้จักพอ)
(๓) จนเพราะไม่เท่า (มีทุกอย่างแต่ยังเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ มีเหนือกว่า)
ลุงพี
24 กันยายน, 2010 - 00:39
Permalink
อนุโมทนาสาธุ กับหนูแคทด้วยครับ
ผมก็เคยไปมาหลายครั้งแล้วครับ แต่ผมใจถึงกว่า อิอิ
เข้าพรรษานี้ ได้ไปมาอีกบ้างหรือยังครับ
พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง
nuucat
24 กันยายน, 2010 - 00:51
Permalink
หนูว่างเว้นมา 3-4
หนูว่างเว้นมา 3-4 ปีแล้วค่ะลุงพี ไปครั้งสุดท้ายย่ำแย่มาก จิตใจไม่สงบเอาเลยห่วงหลายๆๆอย่างค่ะ แต่ตอนนี้ก็หัดปลงอะไรๆๆได้เยอะกว่าแต่ก่อน รุ้จักที่จะเข้าใจว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลยสักอย่าง อ่านหนังสือธรรมะมากขึ้น รู้จักที่จะเอาจิตไปไว้ที่ลมหายใจเข้าออกบ้างในบางครั้งค่ะ(เท่าที่ตัวเองทำได้) ถึงแม้จะไม่ได้ทำบ่อยก็ตาม แต่หนูรุ้สึกได้ว่า ธรรมะทำให้หนุคิดบวกคิดดีได้มากขึ้นจริงๆๆค่ะ
ความจนมีอย่างน้อยสามแบบ
(๑) จนเพราะไม่มี (จนวัตถุเงินทอง)
(๒) จนเพราะไม่พอ (มีวัตถุเงินทองแต่ไม่รู้จักพอ)
(๓) จนเพราะไม่เท่า (มีทุกอย่างแต่ยังเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ มีเหนือกว่า)
หน้า