…........ที่มา ๒๓ มีดคู่เพื่อน.........
บ้านเช่าครึ่งไม้ครึ่งปูนหลังเก่าสองชั้นริมทุ่งหลังเรือนจำนครศรีธรรมราช ปี ๒๕xx
เราหกคน(เท่าที่จำได้ในตอนนี้-๓๕๕๓)ตกลงเช่าบ้านหลังนี้เพื่อมาพักอยู่รวมกันหลังจากกระจัดกระจายเช่าบ้านห่างๆ กัน เสียค่าเช่าและค่ารถเดินทางไปเรียนไกลจากที่พักหลายกิโลเมตรร่วมปี
การเช่าบ้านทั้งหลังในราคาที่ไม่แพงทำให้เราทั้งหมดสนิทสนมกันมากขึ้น นั่นหมายถึงต้องแลกกับความแตกต่างกันอย่างสุดขั้วของแต่ละปัจเจกที่มาจากหลากหลายครอบครัว และหรือจังหวัด
ผมกับเพื่อนอีกสามมาจากชุมพร อีกสองมาจากนครศรีฯ อีกหนึ่งมาจากสตูล
พื้นฐานเดียวที่เหมือนกันคือเราเรียนร่วมห้องเดียวกัน อายุไล่เลี่ยกัน
ไล่เลี่ยขนาดที่ว่าเพื่อนผมคนหนึ่งซึ่งเป็นคนจังหวัดสตูล...เกิดหลังผมเพียงหนึ่งวัน เป็นเพื่อนที่ค่อยข้างสนิทกับผมมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยว่าเราไปมาหาสู่กันถึงบ้านถึงครอบครัวเบื้องหลัง เหมือนพี่เหมือนน้อง
ชีวิตวัยรุ่นอันคึกคะนองสามารถเปลี่ยนเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีปมด้อย และมีอคติต่อสังคม มองโลกลบแทบจะตลอดเวลา เมื่อแหย่เท้าเข้าไปในแวดวงของการทดลองบางอย่างที่สร้างสรรค์ย่อมเป็นพื้นฐานของชีวิตด้านดี(หรือเกือบดี)ในภาคหน้า
ช่วงนั้นผมอ่านหนัก...และหัดบันทึกขีดเขียนอย่างตั้งใจ ทั้งบอกเล่าเรื่องราวในแง่จดหมายถึงเพื่อนแดนไกล และบันทึกประจำตัวต่อสิ่งที่มากระทบ ยาก และเต็มไปด้วยสิ่งที่เร้าต่อการสนใจอย่างอื่นแทน
โชคดีที่ผมค่อนข้างแปลกแยกและชอบตั้งคำถาม – กระทั่งต้องหาคำตอบให้ได้ด้วยตนเอง
.........ใช่ครับ ผมอ่านเป็นบ้าเป็นหลัง
ทั้งหลายเหล่านั้นไม่มากก็น้อยย่อมส่งผลถึงตัวผมในวันนี้
แต่เส้นทางของการพยายามเพียงเล็กน้อยคือเส้นทางสู่นรก เตียนโล่ง ราบเรียบ ยั่วยวน ผมเองก็ไม่ได้แตกต่างจากวัยรุ่นทั่วไป ผิดกันตรงที่ผมไม่ใช่นักทดลอง หากตั้งใจจะมุ่งเข้าหานรก นั่นคือการเตรียมตัวและใจไว้ก่อนแล้ว
พืชพรรณที่สูบได้คือสิ่งที่ผมเลือก และนับเป็นสิ่งที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตผมแล้วในช่วงเวลานั้น(กระเถิบขึ้นไปจากพืชพรรณที่สูบได้อีกชนิดหนึ่งซึ่งสังคมยอมรับได้)
แค่ผมอ่าน จินตนาการ ผมเขียน ผมพิมพ์ดีดเก็บงานของผมในแผ่นกระดาษแยกออกจากสมุดบันทึกเพื่อแสวงที่ส่งลงตีพิมพ์นั่นก็นับว่าแปลกแยกพอแล้วในสายตาของเพื่อนร่วมบ้าน
การปลีกตัวออกไปเพื่อกระทำบางอย่างอันผิดแผกในด้านลบย่อมอยู่ในสายตาของเพื่อนเฉกเดียวกัน
โดยเฉพาะเพื่อนผมคนนี้ คนสตูล
วันคล้ายวันเกิดของผมวันหนึ่งก่อนเราจะจบออกไปจากสถาบันนั้นในปีเดียวกัน เพื่อนผมกะเกณฑ์เพื่อนคนอื่นๆ มานั่งล้อมวงสูราขาวหน้าบ้านเช่าหลังนั้น
คืนนั้นเดือนแจ้ง(คาดว่าคำนี้คงเป็นคำกลางๆ ที่ใช้กันทุกภาคหมายถึงพระจันทร์เต็มดวง) เพื่อนจ้องหน้าผมก่อนจะเอ่ยปาก
“วันนี้วันเกิดมึง....พรุ่งนี้วันเกิดกู...อีกสามสี่วันก็วันเกิดไอ้เพื่อนอีกคน….กูขออะไรซักอย่างจากมึงได้มั้ย? ”
“……………….” ผมรอคำพูดต่อไป
“เป็นของขวัญวันเกิดให้กูพรุ่งนี้” สายตาจริงจัง มือกำขวดสีชายังไม่รินแจกจ่าย
“.....ได้ ว่ามา” ผมหลบตาพูดแผ่ว
“เลิกสูบเนื้อซะ..ถือว่ากูขอ ”
‘ นึกแล้วต้องเรื่องนี้ ’ ผมคิดในใจ ก่อนถอoหายใจเฮือก
“.......ได้.......” สบตาพูดดังขี้น
“ ตั้งแต่ตอนนี้นะ......” มันคาดคั้นเพราะเกรงว่าหมดของเหลวในขวดนั่นแล้ว ผมจะเผ่นออกไปทิ้งทวนในคืนนี้
“ ได้..ตกลง เพื่อมึง เพื่อเพื่อน.........ได้” เสียงดังกว่าเก่า พลางถอนหายใจโล่งเหมือนยกภูเขาออกห่างแล้วเฝ้าดูไกลๆ
“จริงๆ แล้วเพื่อมึงเองหรอก ไม่ใช่เพื่อกูหรือคนอื่น...เอ้า...วน” เพื่อนรินน้ำใสๆ ใส่จอกพลาสติกแจกมาที่ผมก่อน วาบหมดแล้วรินต่อไปยังคนถัดไป
ผมแหงนมองฟ้าที่สว่างจ้าด้วยแสงจันทร์ที่เพิ่งโผล่พ้นยอดไม้ทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นบ้านพักของข้าราชการเรือนจำ เงาไม้ไหวๆ ยามต้องลมอ่อนๆ เมื่อแสงนวลลอดผ่านเกิดเป็นภาพย้อนแสงดูแปลกตา ลึกลับ
นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผมไม่เคยได้ข้องแวะกับสิ่งที่เพื่อนขอไว้อีกเลย
ตอนนี้เพื่อนผมคนนั้นเป็นฝั่งเป็นฝา มีลูกชายคนแรก อายุคงเกือบขวบปี หากมีโอกาสเล่าด้วยปากให้เด็กน้อยฟัง ผมจะเล่าเรื่องนี้ให้มันฟังเป็นเรื่องแรก เพื่อมันจะได้รู้ว่าพ่อมันน่าภูมิใจขนาดไหนในช่วงวัยรุ่น
หากไม่มีโอกาสเล่าด้วยปาก ขอให้บันทึกชิ้นนี้ได้บอกเล่าแทน หากว่ามันได้อ่านเมื่อโตขึ้นจนพอจะรับรู้ได้ถึงสารที่ผมสื่อ ณ ห้วงเวลานี้
นั่นหมายถึงทั้งสารชิ้นนี้ พ่อมันและตัวมันเองยังอยู่ เช่นเดียวกัน
............................................................
- บล็อกของ sailomloy
- อ่าน 5815 ครั้ง
ความเห็น
ตั้ม
10 ตุลาคม, 2010 - 18:07
Permalink
พันธ์หมาบ้า
เห็นอดีตของคุณสายลมแล้วนึกถึงเรื่องพันธ์หมาบ้าของชาติ กอบจิตติ..ต่างกันตรงที่ก๊วนของคุณสายลมยังลากให้เลิกพี้เนื้อ..แม้ไม่เลิกเหล้า..ตอนจบอาจเหมือนกันก็ได้..ที่ต่างก็ไปได้ดีในวิถีแห่งตน
วันก่อนที่มิตติ้ง กทม. พวกเรายังพูดถึงคุณสายลมและงานเขียนที่คำคมคู่คมมีด..จามบ้างมะ
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
sailomloy
10 ตุลาคม, 2010 - 18:30
Permalink
คุณตั้มครับ
จามบ่อยครับ
ช่วงนั้นพอดี
ฮิ้วววววววววววววววว
ออกปากรุนท็อกที !!!
มาย
10 ตุลาคม, 2010 - 19:27
Permalink
เพื่อนดี
เพื่อนดี ย่อมพาเพื่อนไปสู่หนทางที่ดีเสมอ..
there is a will , there is a way .
sailomloy
11 ตุลาคม, 2010 - 22:29
Permalink
มาย
ขอบคุณเคริ๊บ
ออกปากรุนท็อกที !!!
happyfarmer
10 ตุลาคม, 2010 - 23:25
Permalink
สวยครับ ทั้งมีด ทั้งบันทึก
สวยครับ ทั้งมีด ทั้งบันทึก สมใจที่รอมาหลายวัน
เป้าหมายสูงสุดของเกษตรกรรม ไม่ใช่การเพาะปลูกพืชผล แต่คือการบ่มเพาะ ความสมบูรณ์แห่งความเป็นมนุษย์.... มาโซโนบุ ฟูกูโอกะ
sailomloy
11 ตุลาคม, 2010 - 22:29
Permalink
ชาวนาสุขขี
แหม...
อย่ารอเลย..
เขิล
ออกปากรุนท็อกที !!!
มานี มานะ วีระ ชูใจ
11 ตุลาคม, 2010 - 10:33
Permalink
ไม่ต้องตอบเมนท์ผม
มาอ่าน มาจินตนาการ
มาดู มารับรู้...ว่าอะไร
ควันหลงพอไหว ครับ..
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
lekonshore
11 ตุลาคม, 2010 - 10:34
Permalink
ตามมาชม
เห็นแล้วเสียวพุงทุกที
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
sailomloy
11 ตุลาคม, 2010 - 22:28
Permalink
lekonshore
ครั้งหน้า ต้องหันข้างดู
จะไม่เสียวพุง..
จริงๆ นะ
ออกปากรุนท็อกที !!!
ไคโฉ้
11 ตุลาคม, 2010 - 13:11
Permalink
อ่านแล้วนึกถึงความหลังว๊ะ...
อ่านแล้วนึกถึงความหลังว๊ะ... ถึงไม่ใช่สมาชิกบ้านหลังนั้น แต่ก็แวะเวียนไปบ่อย ไม่ใช่หาเนื้อนะแต่เป็นเสียงใสของเส้นเหล็กประกอบเนื่อเพลงอันไพเราะ ทีนั้นสอนให้เล่นกีตาร์พอเป็น .....ซองมีด หนังกลับสีน้ำตาลเหมาะจริง ๆ กับเพื่อนที่สตูล...ขอยืนยัน
หน้า