ล้างหมี่กึง
ล้างหมี่กึง(หมี่กึน)
แป้งหมี่ที่นวดเพื่อปั้นเป็นก้อนแป้งหมี่กึง
เทแป้งลงใส่กาละมัง ค่อยๆรินน้ำใส่กลางแป้งนะคะ แล้วเคล้าเข้าด้วยกัน ใช้น้ำน้อยๆพอแป้งเริ่มจับตัวกันจนเป็นก้อน ให้หยุดการเคล้า เทน้ำใส่ แล้วทิ้งไว้อีกหนึ่งชั่วโมง
ครบหนึ่งชั่วโมงให้นวดเล็กน้อย
แล้วรินน้ำทิ้ง(น้ำแรกนี้เรียกง่ายๆว่าน้ำล้างมือ)
จากนั้นเทน้ำใหม่ลงไปให้ท่วม
คราวนี้นวดก้อนแป้งที่เริ่มจับตัวให้เหนียว วิธีการคือนวดโดยรวบก้อนแป้งตรงขอบๆมากองใส่ตรงกลาง ทำไปเรื่อยๆจนแป้งเหนียวขึ้น น้ำจะเป็นสีแป้งขุ่นเข้มแยกออกมา จนมั่นใจว่าเป็นเริ่มเหนียวพอเป็นก้อนได้
ให้รินน้ำแป้งออก (น้ำที่สองนี้สามารถนำไปปรุงอาหารได้)เก็บใส่ภาชนะ
เทน้ำสะอาดลงไปแช่ให้ท่วมก้อนแป้งที่นวดนี้
แล้วตั้งไว้อีกหนึ่งชั่วโมงให้ก้อนแป้งจับตัวเหนียวมากขึ้น
ครบอีกหนึ่งชั่วโมงให้นวดซ้ำ นวดครั้งนี้น้ำจะใสกว่าน้ำที่สอง
แล้วนำมาตัดแบ่งเป็นชิ้น
ม้วนใส่ตะเกียบให้เป็นรูป แล้วดึงออก
ทอด
จะเลียนแบบกระเพาะปลาทอด
เก็บไว้ประกอบเป็นอาหารในเวลาที่ไม่ต้องการกินอาหารเนื้อสัตว์ได้
(ถ้าปั้นให้ออกกลม แล้วทอด จะเลียนแบบลูกชิ้นทอด
หรือนำมาม้วนใส่ตะเกียบคู่ แล้วใช้เชือกกล้วยมัดไว้ ต้มจนแป้งสุก จากนั้นนำไปทำเป็นพะโล้เลียนแบบพะโล้ไส้หมู)
นี่เป็นขั้นตอน วิธีการ การนวดแป้งที่แม่สอนไว้...แม่ว่าหากลงมือทำจริงๆอาจพบอุปสรรคบ้าง ...ให้ค่อยๆเรียนรู้ไป เพราะว่าต้องอาศัยการลงมือปฏิบัติจนมีทักษะชำนาญ
เพื่อนๆ สมช.บ้านสวนฯ ลองทำไว้ปรุงอาหารได้ ซึ่งอาจมีบางวันที่อยากเลี่ยงเนื้อสัตว์บ้าง...
พบกันในโอกาสต่อไปนะคะ...ด้วยการปรุงอาหารจากแป้งหมี่กึงที่ทอดเสร็จแล้ว
- บล็อกของ สายพิน
- อ่าน 13375 ครั้ง
ความเห็น
ข้าวเหม่า
25 พฤศจิกายน, 2010 - 22:43
Permalink
คล้ายกับปลาท๋องโก๋เลยค่ะ
คล้ายกับปลาท๋องโก๋เลยค่ะ ที่ไว้ทานคู่กับน้ำขิง
สายพิน
26 พฤศจิกายน, 2010 - 09:57
Permalink
คล้ายๆ
คล้ายๆค่ะ คุณข้าวเหม่า แต่ว่าเหนียวกว่าน่ะค่ะ
ครองขวัญ
26 พฤศจิกายน, 2010 - 02:09
Permalink
เคยกินหมี่กินค่ะ
เคยกินหมี่กินค่ะ ในช่วงเทศกาลกินเจ แต่นึกไม่ถึงว่าสามารถทำไ้ด้ในครัวเรือน แม่คุณสายพิณนี่เก่งจริง ๆ ทำได้ตั้งหลายอย่าง ของยาก ๆ ทั้งนั้นเลย
สายพิน
26 พฤศจิกายน, 2010 - 09:56
Permalink
หมี่กึง
คุณครองขวัญ ...ส่วนตัวเอง หากไม่ได้เห็นวิธีการทำ ก็ไม่คิดว่าจะทำได้ในครัวเรือนเหมือนกันค่ะ
รู้วิธีการนะคะแต่จนแล้วจนรอด ทุกวันนี้ยังไม่เคยทำได้ด้วยตัวเองเลย พี่ๆน้องๆคนอื่นทำเป็นกันหมด ...อาจเพราะว่า คอยแต่เป็นคนชิมกระมังคะ ยิ่งอยู่ใกล้คุณแม่ เลยไปไม่ถึงไหน(ไม่ค่อยจะยอมทำเอง)
ดาวเรือง
26 พฤศจิกายน, 2010 - 06:26
Permalink
คุณสายพินคะ......
เหมือนกระเพาะปลามากเลยค่ะ ทำไมไม่เห็นตอนนวดแป้งก่อนล่ะคะ ผสมอย่างไร เหมือนกับว่ามีตอน 1 แล้วอันนี้เป็นตอน 2 เคยทำเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้อะไรเท่าไหร่เลย สงสัยทำผิดสูตรค่ะ
สายพิน
26 พฤศจิกายน, 2010 - 09:51
Permalink
ขั้นตอน
คุณดาวเรือง ขั้นตอนช่วงผสมแป้งกับน้ำตั้งแต่ต้นไม่ทันได้ถ่ายภาพไว้ค่ะ มาเห็นตอนที่คุณแม่ผสมไว้แล้ว แต่ขั้นตอนวิธีการจะเป็นไปตามที่เขียนไว้ ต้องอาศัยฝึกทำไปบ่อยครั้งเข้า ส่วนแป้งใช้แป้งหมี่ที่เฉพาะนวดหมี่กึงค่ะ หากอยู่ กทม.หาซื้อได้ที่คลาดเก่า เยาวราช หรือ ไม่ก็ร้านที่ขายแป้งใกล้ๆวัดมังกรกมลาวาสได้ค่ะ
ที่คุณดาวเรืองเคยทำ ไม่ทราบว่าขั้นตอนต่างกันหรือไม่นะคะ แต่คุณแม่ว่าต้องอาศัยความชำนาญในการทำ เวลาทำใหม่ๆอาจทำทีละน้อย ...คุณแม่เล่าว่า กว่าจะทำได้หมดแป้งไปหลายถุงน่ะค่ะ มาถึงปัจจุบันท่านก็ทำมากว่าหกสิบปีแล้ว(ตั้งแต่ลูกคนนี้ยังไม่เกิด) จึงเป็นเรื่องที่พอเขียนบล็อกออกมาบางทีก็ดูว่าจะง่ายๆนะคะ
lekonshore
26 พฤศจิกายน, 2010 - 09:14
Permalink
พี่สายพิน
ต้องตามมาดูบล็อกพี่มีขนมเพียบได้จดจำไปทำบ้างค่ะ
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
สายพิน
26 พฤศจิกายน, 2010 - 09:42
Permalink
คุณเล็ก
ส่วนของน้ำล้างแป้ง น้ำที่สองไว้ทำขนมได้น่ะค่ะ ตัวเนื้อแป้งที่นวดได้นี้นำมาปรุงเป็นอาหารคาว ...ลองดูนะคะ คุณเล็ก
สุชญา
26 พฤศจิกายน, 2010 - 09:28
Permalink
น่ากินจัง
น่ากินจังเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
สายพิน
26 พฤศจิกายน, 2010 - 09:31
Permalink
คุณสุชญา
อาจจะเคยได้กินมาบ้างก็ได้นะคะ ในเทศกาลอาหารเจ
หน้า