Re-Engineering Project No.1 สามล้อแบบพ่วงข้าง

สวัสดีครับพี่ๆ เพื่อนๆ สมาชิกชาวบ้านสวนและผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเวปทุกท่าน

          เมื่อตอนต้นเดือนที่ผ่านมาผมได้สามล้อแบบพ่วงข้างมาหนึ่งคัน ด้วยความอนุเคราะห์จากเงินกองทุนสวนยางของสวนที่บ้าน ทำให้ผมมีพาหนะที่สามารถขนส่งผลิตผลทางการเกษตรได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และผมคิดว่า สามล้อแบบพ่วงข้างคงจะเป็นประโยชน์กับพ่อแม่พี่น้องเกษตรกรคนอื่นๆ ที่กำลังมองหาพาหนะขนาดเล็กที่สามารถขนส่งสินค้าเกษตรได้อย่างคล่องตัว และที่สำคัญสามารถต่อประกอบได้โดยใช้เงินทุนไม่มากจนเกินไป โดยพ่วงที่ผมใช้อยู่นี้ เป็นฝีมือการต่อประกอบจาก "น้านเรศ" น้าของผมเองครับ เป็นช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์ที่มีฝีไม้ลายมือในการต่อสามล้อแบบพ่วงข้างให้กับคนในหมู่บ้านมาหลายคันแล้ว ผมเลยบอกกับน้านเรศ ว่า "ผมขอเอาแบบไปลงเน็ทนะครับ เผื่อใครต้องการจะต่อไว้ใช้งาน จะได้มีแนวทาง!" น้าแกก็ใจดีครับไม่หวง ผมเลยถือโอกาสนี้นำแบบมาลงบล๊อคเสียเลย โดยตามแบบที่ผมนำมาลงนี้ ใช้งบประมาณ 7,000 บาท (รวมค่าแรง) น้ำหนักบรรทุกสูงสุดอยู่ที่ 500 Kgs. แต่โดยปกติแล้วผมมักจะใช้บรรทุกขี้ยางหรือปาล์มครั้งหนึ่งๆ ก็ไม่เกิน 400 Kgs. เพราะสงสารรถมอเตอร์ไซค์ครับ!

          และเผื่อพี่น้องสมาชิกบ้านสวนท่านใดที่กำลังมองหาสามล้อแบบพ่วงข้างแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะบอกช่างยังไง ผมก็ยินดีที่จะส่งแบบคร่าวๆ ให้ฟรีโดยไม่คิดค่าแบบแต่อย่างใด

          เพื่อให้ท่านสามารถนำแบบไปคุยกับช่างเหล็กใกล้บ้าน ให้เขาช่วยต่อประกอบสามล้อแบบพ่วงข้างได้ง่ายขึ้นหรือหากท่านมีฝีมือทางช่าง ก็สามารถนำแบบไปใช้เป็นแนวทางในการต่อประกอบสามล้อแบบพ่วงข้างได้ง่ายยิ่งขึ้น

          ท่านที่ต้องการแบบ ผมใคร่ขอรบกวนให้ฝากข้อความและ email ของท่านไว้ เพื่อผมจะได้ส่งไฟล์แบบไปให้ งานนี้ไม่จำกัดจำนวนนะครับ!!!!

ตัวอย่างสามล้อแบบพ่วงข้างและลักษณะการใช้งาน

จะบรรทุกหนักแค่ไหนก็ไม่หวั่น!!!!

จะเอาไว้จ่ายตลาดก็ได้!! (สงสัยจะซื้อไปทำโต๊ะจีน!!!)

แบบนี้บรรทุกเกินพิกัด อาจจะโดนจับได้นะครับ!!

ต่อไปก็มาดูจุดที่ควรพิจารณาในการประกอบสามล้อแบบคร่าวๆ ครับ

แบบโดยรวม (ผมไม่ได้ถอดแบบในส่วนของจุดต่อพ่วงเข้ากับรถ เนื่องจากจุดดังกล่าวขึ้นอยู่กับรุ่นของรถที่นำมาต่อ)

โช๊ครับน้ำหนักบรรทุก ควรเลือกที่เป็นโช๊คสำหรับรถพ่วงข้างโดยเฉพาะ เพราะจะสามารถรับน้ำหนักได้ดีกว่า และมีตัวรับแรงกระแทกจากล้อข้าง กรณีที่เราวิ่งรถโดยไม่มีน้ำหนักบรรทุก

(กระบอกสีแดงด้านบนจะทำหน้าที่รับน้ำหนัก กระบอกสีแดงด้านล่างจะทำหน้าที่รับแรงสะเทือนจากล้อ)

ชุดนี้น้าผมบอกว่าซื้อมาราคาคู่ละ 2,000 บาท

เหล็กกันโครงด้านฝาท้ายใส่ไว้เวลาบรรทุกหนักๆ ช่วยเพิ่มความแข้งแรง ป้องกันตัวพ่วงเสียทรง

เหล็กสามเหลี่ยมประกบเสาพ่วงทั้งสี่เสา เพื่อไม่ให้พ่วงบิดเสียทรงเวลาวิ่งในร่องสวน

ในการต่อพ่วงมีข้อให้ควรพิจารณาหลักๆ อยู่ 7 ข้อ ด้วยกัน คือ

1. จุดจับยึดต้องแข็งแรง และมีอย่างน้อย 3 จุด คือ ช่วงหน้าของรถ(บริเวณใกล้แผงคอ) กลางตัวรถ (บริเวณจุดยึดเกียบหลัง) ด้านท้ายของรถ (บริเวณเหล็กจับท้าย)

2. ตำแหน่งของล้อพ่วง ควรอยู่ในตำแหน่งเยื้องไปทางด้านหลังของรถ (อยู่ระหว่างกลางตัวรถ ถึง ล้อหลัง) ยิ่งใกล้ล้อหลังยิ่งดี จะทำให้การควบคุมการบังคับเลี้ยวทำได้ง่าย แต่ก็มีข้อเสีย คือ หากอยู่เยื้องมาด้านหลังมากเกินไปจะทำให้บรรทุกได้น้อยลง!

3. เมื่อต่อพ่วงเข้ากับตัวรถแล้วให้ลองขึ้นไปยืนบนตัวรถพ่วงแล้วสังเกตุด้านท้ายของพ่วงต้องไม่เอียง (ตัวพ่วงกับตัวรถต้องยุบตัวลงเท่าๆ กัน)

4. ควรเปลี่ยนโช๊คหลังของตัวรถให้แข็งขึ้น หรือ ใส่เพิ่มเป็นด้านละสองตัว เพื่อให้สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ดีขึ้น

5. ควรเปลี้ยนเฟืองโซ่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเพิ่มแรงบิดให้สูงขึ้น

6. ควรเปลี่ยนดอกยางให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน เช่น ดอกยางวิบาก สำหรับขับขี้เข้าร่องสวน

7. ควรต่อไฟเลี้ยวด้านพ่วง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่เวลากลางคืน

คำเตือน!!!!

1. เมื่อต่อพ่วงแล้ว ไม่ควรขับขี้ด้วยความเร็วเกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

2. เมื่อต่อพ่วงแล้วการควบคุมรถจะทำได้ยากกว่าปกติ ควรฝึกขับให้เกิดความชำนาญก่อนนำออกถนนจริง