ยอดเขลียง(เหลียง/เหมียง)
ยอดเขลียงที่บ้านแม่ ต้นใหญ่ อายุเกือบจะ 20 ปี แล้วมั๊ง เก็บไม่กี่ยอด ก็เอาไปปรุงได้แล้ว
7 ก้าน เด็ดแล้วได้ 1 กะละมังเล็ก
วันนี้เอาปรุงอาหารแบบบ้าน ๆ แกงเลียงเคย วิธีทำก็ แค่ใส่กะปิกับเกลือและปลาทู แค่นั้นแหละ...เป็นอาหารที่กินเป้นประจำตอนเด็ก ๆ ซดน้ำอร่อยมาก ถ้าเก็บลูกอ่อนใส่ไปด้วยยิ่งอร่อย
บล๊อกนี้ยอดเขลียงเพียว ๆ จบแล้วค่ะ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gnetum gnemon Linn. var. tenerum Markgr.
วงศ์ : GNETACEAE
ชื่อสามัญ :ผักกระเหรี่ยง
ชื่อท้องถิ่น :เขลียง,เหลียง, เรียนแก่ (นครศรีธรรมราช) ผักกะเหรี่ยง (ชุมพร) ผักเมี่ยง, เหมียง (พังงา)
ต้น:ผักเหมียงเป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 2 – 5 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางลำต้นประมาณ 20 เซนติเมตร เนื้อไม้ค่อนข้างอ่อนสามารถโน้มลงได้โดยลำต้นไม้หัก ผิวเปลือกเรียบ เปลือกอ่อนมีสีเขียวเมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
ใบ :ใบผักเหมียงมีลักษณะคล้ายยางพารา ใบออกมาจากปลายยอดของต้นและกิ่ง ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามกัน ใบเป็นรูปรีปลายใบเรียวแหลม มีขนาด กว้าง 4 – 10 เซนติเมตร ยาว 10 – 20 เซนติเมตร ก้านใบยาวประมาณ 1 – 2 เซนติเมตร เนื้อใบบางแต่เหนียวคล้ายแผ่นหนัง ใบมีสีเขียวเป็นมัน แต่หากต้นอยู่ในที่โล่งสีของใบจะจางลงหรืออาจขาวทั้งหมด ยอดใบอ่อนมีรสชาติหวานมัน รับประทานได้ทั้งดิบและสุก
ดอก :ผักเหมียงมีทั้งดอกตัวผู้และดอกตัวเมีย โดยดอกตัวผู้และดอกตัวเมียจะออกต่างต้นกัน กล่าวคือหากต้นใดมีดอกตัวผู้จะไม่มีดอกตัวเมีย ดอกตัวผู้เป็นดอกขนาดเล็กออกเป็นช่อตาม ข้อของกิ่ง ช่อดอกยาวประมาณ 3 – 4 เซนติเมตร ในแต่ละช่อมีปุ่มดอกขนาดเล็กเรียงกันเป็น ข้อๆ ประมาณ 5 – 8 ข้อ กลีบดอกมีสีขาว ดอกตัวเมียเป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีขนาดของดอก ใหญ่กว่าดอกตัวผู้ ดอกออกเป็นช่อตามข้อของกิ่ง ช่อดอกยาวประมาณ 5 – 7 เซนติเมตร ใน แต่ละช่อมีปุ่มดอกเรียงเป็นข้อๆ ประมาณ 7 – 10 ข้อ ทั้งดอกตัวผู้และดอกตัวเมียจะเริ่มออก ดอกในช่วง เดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ผลแก่สามารถเก็บไว้ขยายพันธุ์ได้ในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน
ผักเหมียงจะออกดอกเมื่อมีอายุประมาณ 5 – 6 ปี
ผล :จะมีลักษณะเป็นรูปกระสวย เปลือกกว้างประมาณ 1 – 1.5 เซนติเมตร มีความยาว ประมาณ 2.5 – 4 เซนติเมตร ผลอ่อนมีเปลือกสีเขียว เมื่อแก่จัดเปลือกและเนื้อจะมีสีเหลือง เนื้อมีรสหวาน ใน 1 ช่อจะมีผลประมาณ
ผักเหมียงควรปลูกในที่ร่ม มีดินร่วนซุย มีความอุดมสมบูรณ์สูง และมีฝนตกชุกและต่อเนื่อง ในปัจจุบันมีการปลูกผักเหมียงมากขึ้น โดยการปลูกแซมสวนยางพารา สวนมะพร้าว และสวนสมรม การปลูกผักเหมียงเพื่อการบริโภคนั้น มักจะตัดต้น ไม่ให้สูงเกินมือเอื้อมถึง
การขยายพันธุ์ผักเหลียง :
สามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธีคือ การเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และการใช้ต้นจากราก แขนง
1.การเพาะเมล็ดผักเหลียง
นำเมล็ดมาล้างให้สะอาด แล้วนำไปเพาะบนกระบะที่มีส่วนผสมของดินทรายกับขี้เถ้าแกลบ กลบให้วัสดุเพาะเสมอเมล็ด รดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ เมล็ดจะเริ่มงอกประมาณเดือนที่ 4 จนถึง 1 ปี ต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะมีอัตราการรอดสูง ทรงพุ่มสวย ทนแล้งได้ดี แต่อายุการเก็บเกี่ยวต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปี
2.การตอนกิ่งผักเหลียง
การตอนกิ่งควรตอนจากต้นหรือกิ่งกระโดงที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป โดยสังเกตเปลือกของกิ่งควรมีสีน้ำตาลอมเขียวเล็กน้อย การควั่นควรควั่นให้ชิดกับข้อ รอยควั่นมีระยะห่างกันเท่ากับเส้นรอบวงของต้นหรือกิ่งที่จะตอน เมื่อควั่นเสร็จแกะเปลือกขูดเนื้อเยื่อเจริญออกให้หมด ใช้ขุยมะพร้าวแช่น้ำจนอิ่มใส่ถุงพลาสติกผูกปากถุง กรีดถุงจากก้นถึงปากถุงนำมาหุ้มที่รอยควั่นผูกเชือกหัวท้ายให้แน่น หมั่นตรวจดูความชื้นอย่าปล่อยให้แห้งรากจะงอกภายในเวลาประมาณ 2 – 3 เดือน ตรวจดูรากสามารถดูดน้ำได้หรือไม่ เมื่อรากทำงานดีแล้วตัดเอาลงถุงปลูก เมื่อต้นแข็งแรงดีจึงนำลงหลุมปลูก การปลูกด้วยกิ่งตอนจะได้ทรงพุ่มดี ให้ผลผลิตมากและรวดเร็ว
3.การใช้ต้นจากรากแขนง
ผักเหมียงที่มีอายุประมาณ 4 – 5 ปี หากต้นและรากเจริญดีก็จะงอกต้นใหม่ สามารถขุดนำไปปลูกได้ แต่อัตราการรอดตายประมาณร้อยละ 50 – 80 เพื่อเพิ่มอัตราการรอดตายควรนำต้นใหม่มาปลูกในถุงเพาะชำจนมีความแข็งแรงเสียก่อนนำลงปลูก
4.การเตรียมพื้นที่ปลูกผักเหลียง
ระยะปลูก 3 x 3 เมตร ต้นพันธุ์ที่ใช้ต้องเป็นพันธุ์ที่แข็งแรง วางต้นพันธุ์ให้เอียง 45 องศา ในหลุมที่ขุดแล้วกลบดินแต่พอแน่น รดน้ำให้ชุ่มใช้ไม้หลักปักผูกเชือกให้เรียบ ร้อยเพื่อป้องกันลม ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝนหรือช่วงฝนตกจะช่วยให้ไม่เสียเวลา และแรงงาน ในการรดน้ำ การให้ปุ๋ยแบ่งใส่ 2 ครั้ง ในช่วงต้นฤดูฝนและปลายฤดูฝน ใช้ปุ๋ยสูตร 15 -7 - 18, 15 - 15 - 15 ผสมกับปุ๋ย
สูตร 12 - 5 - 14 อัตรา 30 กิโลกรัม/ไร่/ปี กรณีปลูกร่วมในสวนยาง ในสวนไม้ผล ในช่วงต้นฤดูฝนใช้ปุ๋ยสูตร 15 - 15 -15 อัตรา 50 กิโลกรัม/ไร่/ปี
5.การเก็บเกี่ยวผักเหลียง
เริ่มเก็บเกี่ยวเมื่อต้นผักเหมียงมีอายุ 2 ปีขึ้นไป เก็บเกี่ยว 15-30 วัน/ ครั้ง เก็บยอดอ่อนถึงยอดเพสลาด ควรเด็ดให้ชิดข้อ ไม่เด็ดกลางข้อหรือตัด เพราะจะทำให้การแตกยอดอ่อนในครั้งต่อไปจะช้า เมื่อเก็บแล้วอย่าให้ใบหรือยอดอ่อนนั้นถูกแสงแดดและลม ควรพรมน้ำแต่พอชุ่ม สามารถเก็บได้นาน ประมาณ 5-6 วัน
1. โรคใบจุดส่าหร่าย (Agal leaf-spot, red rust)
เชื้อสาเหตุ : Cephaleuros virescens
ลักษณะของโรค : เป็นจุดกลมขนาด 3-5 มิลลิเมตร มองเห็นเป็นขุยฟูเหมือนกำมะหยี่ มีสีเขียวอมเหลือง สีส้มหรือสีน้ำตาลอมส้ม เมื่อขูดจุดแผลจะหลุดโดยง่าย เนื้อเยื่อเป็นสีเหลือง
2.ตะไคร่บนใบ (Leaf epiphyte)
เชื้อสาเหตุ : เป็นการเจริญร่วมกันของราและสาหร่าย
ลักษณะของโรค : เป็นจุดเล็ก ๆ อาจมีสีขาวอมเทา สีเขียวอ่อน หรือสีอื่น ๆ พบในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ทรงพุ่มหนาทึบ ไม่ตัดแต่งกิ่ง
การใช้ประโยชน์จากต้นเหลียง :
ใบผักเหมียงใช้รับประทานสดและประกอบเป็นอาหาร เช่น แกงเลียง ต้มกะทิ ใช้ห่อเมี่ยงคำ ผัดวุ้นเส้น แกงไตปลา และผัดผัก ในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย นิยมนำเนื้อในเมล็ดของผักเหมียงมาทำข้าวเกรียบ
สรรพคุณทางยา - ใบ รับประทานเพื่อบำรุงเส้นเอ็น กระดูก สายตา และสามารถนำมาใช้ลอกฝ้าได้อีกด้วย
การตลาดและลู่ทางการค้าของผักเหลียง :
ผักเหมียงมีขายทั่วไปตามตลาดชุมชนในภาคใต้ โดยขายเป็นกำ กำละ 5 – 20 บาท แล้วแต่ขนาดกำ โดยปกติแล้วเมื่อนำผักเหมียง มาปรุงเป็นอาหารผักเหมียงจะยุบตัวมาก จึงต้องใช้ในปริมาณมากพอควร ในอดีตผักเหมียงนิยมบริโภคกันในจังหวัดภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน และมีการบริโภคกันบ้างแถบจังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันนี้ได้มีการขยายพื้นที่การปลูกผักเหมียงมายังจังหวัดในภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เช่น จังหวัดสงขลา เป็นการขยายตลาดมาสู่ผู้บริโภคได้มากขึ้น คาดว่าผู้บริโภคในกรุงเทพฯและภาคอื่นของประเทศจะบริโภคผักเหมียงกันมากขึ้นตามการเคลื่อนย้ายของประชากร และการให้ข้อมูลการบริโภคที่ทำได้แพร่หลายและกว้างขวางขึ้น
เอกสารอ้างอิง :
กูล จุลแก้ว. 2536. เหมียง ผักพื้นบ้านเศรษฐกิจที่น่าสนใจ. โครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการผักพื้นบ้าน สำนักงานเกษตรจังหวัดพังงา กรมส่งเสริมการเกษตร. 49 หน้า.
สถาบันการแพทย์แผนไทย. 2542. ผักพื้นบ้านภาคใต้. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก. 279 หน้า.
ผักเหลียง(เหมียง)
โดยธรรมชาติผักเหมียงเป็นพันธุ์ไม้ป่า เจริญเติบโตได้ดีภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ พบได้ทั้งบริเวณเนินเขาและที่ราบในความสูงจากระดับน้ำทะเล 2 – 500 เมตร หรือสูงกว่านั้น ในบริเวณที่มีดินร่วนซุยและมีความอุดมสมบูรณ์สูง มีต้นไม้ปกคลุมให้ร่มเงาเพียงพอ ฝนตกชุกคือมีปริมาณน้ำฝนไม่น้อยกว่า 300 มิลลิเมตรต่อปี ระยะเวลาฝนตกไม่น้อยกว่า 150 วันต่อปีและฝนแล้งติดต่อกันไม่เกิน 45 วัน
ผักเหมียงจึงพบมากในภาคใต้ตอนกลางฝั่งตะวันตกของประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ เช่น จังหวัดพังงา ระนอง กระบี่ ตรัง (ฝั่งอันดามัน) ชุมพร (ฝั่งอ่าวไทย) เป็นต้น จะสังเกตเห็นว่าผักเหมียงขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือมีการปลูกแถบจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตกมากกว่าฝั่งตะวันออก อาจเป็นเพราะปริมาณน้ำฝนชุกและต่อเนื่องในฝั่งตะวันตกจึงเหมาะสมกว่าที่จังหวัดชุมพรได้มีการปลูกผักเหมียงใต้ร่มเงาไม้ผล เช่น เงาะ ทุเรียน ชมพู่ หรือร่วมกับต้นไม้ชนิดอื่นๆ เช่น จันทร์เทศ กานพลู หมาก โดยปลูกให้ผักเหมียงขยายพันธ์งอกไปเป็นกลุ่มใต้ร่มเงา และมีการเก็บเกี่ยวตลอดโดยให้ต้นสูงได้ประมาณศีรษะคน (สวนนายสนั่น – นางบุญหนุน ชูกลิ่น ที่ ตำบลวังไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร) ที่อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลาได้มีการปลูกผักเหมียงในร่องยาง คนใต้นิยมนำมากินเป็นผักเคียงกับขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ อาหารที่ได้รับความนิยมที่ประกอบจากผักเหมียง คือ ผักเหมียงต้มกะทิหรือแกงเคย ผักเหมียงได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งผักพื้นบ้านภาคใต้”
- บล็อกของ สร
- อ่าน 16366 ครั้ง
ความเห็น
ครูพอเพียง
1 กุมภาพันธ์, 2011 - 15:54
Permalink
ผักเขลียง
ครูหนิงเพิ่งถึง บางอ้อ ผักเหมียง ผักเขลียง ผักเหมียง ตกลงเป็นผักชนิดเดียวกัน เคยคิดอยากหาปลูกเหมือนกัน ไม่รู้ทางอีสานจะขึ้นหรือเปล่า
น้องเอก
1 กุมภาพันธ์, 2011 - 15:59
Permalink
คุณครูคับ
น่าจะขึ้นนะครับ แต่ที่จะปลูกต้องร่มมีแดดรำไร และชื้น การันตีได้เลยว่าขึ้น แต่ที่ปลูกทางใต้ส่วนใหญ่นั้นเนื่องจากมีฝนตกชุก ที่บ้านผมก็ปลูกครับปลูกในสวนยาง ข้างคลองเล็ก ขึ้นสวยมาแตไม่มีภาพมาให้ดู ผักเหมียงจะเป็นพืชแซมครับ
ถ้าชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อ
E-mail : pinit25@hotmail.com
ครูพอเพียง
1 กุมภาพันธ์, 2011 - 16:04
Permalink
คุณพินิจ
ขอบคุณที่ให้ข้อมูลค่ะ ต้องไปหามาปลูกซะแล้ว ที่บ้านคงปลูกแซมกับต้นไม้อื่นจะได้อาศัยร่ม
สร
1 กุมภาพันธ์, 2011 - 16:04
Permalink
ครูหนิง,น้องเอก
ครูหนิง...ลูกสุกคราวหน้า(ภาพสุดท้าย)จะส่งไปให้ค่ะ...ฝากที่อยู่ไว้นะค๊ะ
น้องเอก พ่อลูกอ่อน ขอบคุณนะค๊ะ
sorn07(แอ๊ด)gmail(ดอท)com
ครูพอเพียง
1 กุมภาพันธ์, 2011 - 16:07
Permalink
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ดูตามรูป ต้นไม้อายุ 20 ปี เหมือนไม่ใหญ่มาก
สร
1 กุมภาพันธ์, 2011 - 16:21
Permalink
ครูหนิง
ลำต้นโตช้า เป็นปกติของผักชนิดนี้ค่ะ...คงจะโตได้แค่นี้ แต่ความสูงถูกควบคุมไว้ค่ะ...ไม่อนุญาตให้สูง กลัวเก็บยอดไม่ถึง
sorn07(แอ๊ด)gmail(ดอท)com
แดง อุบล
1 กุมภาพันธ์, 2011 - 16:14
Permalink
พี่สร
ได้เห็นผักเหลียงเต็ม ๆวันนี้ค่ะ
"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"
ธารน้ำใส
1 กุมภาพันธ์, 2011 - 16:17
Permalink
พี่สร
พี่สร ตำน้ำพริกอีกถ้วยเดียวก็พอแล้วมื้อเย็นนี้
e-mail. puangpech_@hotmail.com
สร
1 กุมภาพันธ์, 2011 - 16:26
Permalink
ธารน้ำใส
แหลงถึงน้ำชุบ ย้ายเข้าบ้านใหม่ ไม่ได้กินน้ำชุบที หมาหม้ายดีปลี วันนี้เลยถอนต้นไปจากบ้านเก่า
sorn07(แอ๊ด)gmail(ดอท)com
เสิน
1 กุมภาพันธ์, 2011 - 16:24
Permalink
คุณสร
ของผมก็ปลูกมาหลายปีแล้วเหมือนกัน มีต้นใหม่งอกเพิ่มมาเรื่อย ตอนนี้ก็มีหลายต้นครับ ต้มกะทิราดน้ำบูดูอร่อยสุดๆ
..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..
หน้า