ผิดเป็นครู มาดูของจริง

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ลุงพี ผมลองทำแล้ว ไม่ได้ผลอ่ะ


ลุงพี หนูก็เคยลองทำ เหม็นบูดค่ะ


ลุงพี ทิ้งไว้ตั้งนานไม่เห็นมีน้ำมันแยกออกมาเลย


ลุงพี ถุงมันป่องๆ จะระเบิดมั๊ยคะ


และอีกหลายๆคำถามที่มีเข้ามา เมื่อสมาชิกหลายๆท่านได้ไปทดลองทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นด้วยวิธีหมักแบบธรรมชาติ ทำให้ผมต้องไปทดลองและค้นคว้าเพิ่มเติม จนได้ข้อมูลที่น่าสนใจมาดังนี้คือ


การหมักด้วยวิธีธรรมชาตินั้น น้ำมันจะแยกตัวออกจากเนื้อกะทิและน้ำด้วยปฏิกริยาในการแตกห่วงโซ่โปรตีนในเนื้อกะทิด้วยขบวนการทางจุลชีวะของเอนไซม์ในเนื้อมะพร้าว หรือแบคทีเรียที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ด้วยการให้กะทินั้นอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม คืออุณหภูมิระหว่าง 35-40องศา และความชื้นไม่เกิน 75% เป็นเวลามากกว่า 10 ชั่วโมง


ข้อสังเกตุตรงนี้หละครับที่เราน่าจะนำมาพิจารณาถึงปัจจัยหลักในการที่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้ในการทดลองครั้งแรกของผมนั้นนับว่าอยู่ในสภาวะที่ถูกต้องตรงตามเงื่อนไขแบบฟลุ๊คๆ จากการที่ผมไปซื้อกะทิที่ได้จากมะพร้าวที่เพิ่งปอก นำมาขูดและคั้นกะทิสดๆ เก็บไว้ในรถยนต์ที่จอดไว้กลางแดดไม่ต่ำกว่าสี่ชั่วโมง ซึ่งในครั้งนั้นผลผลิตน้ำมันประมาณ 800 mlจากเนื้อมะพร้าวสองกิโลซึ่งนับว่าสูงมาก ส่วนในครั้งที่สองที่ผมทำในปริมาณมะพร้าวขูดสิบกิโลแต่ได้น้ำมันเพียงสองลิตรกว่าๆ ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดคืออุณหภูมิในการเก็บถุงบรรจุกะทิในช่วงของการหมัก


ในส่วนของเรื่องความสะอาด ผมได้ทดลองไปซื้อมะพร้าวที่ร้านเค้าขูดทิ้งไว้ในกาละมังมาหนึ่งถุง น้ำหนักครึ่งกิโลกรัม



จากนั้น นำมาผสมด้วยน้ำอุ่น (ทดลองตามคำแนะนำของลุงพูน) ปริมาตรครึ่งลิตร ในภาชนะที่ล้างด้วยน้ำก๊อกธรรมดา



แล้วใช้มือ(ที่ล้างด้วยน้ำธรรมดา ไม่ใช้สบู่) ขยำๆ แล้วบีบคั้นกะทิ



ได้ปริมาตรเกือบ 600 cc เพราะยังมีกากปนอยู่อีกนิดหน่อย (ลองเอาเม้าส์ไปชี้ดูจะเห็น) นำมาใส่ถุงวางคู่กับหากะทิจากร้านที่คั้นด้วยการผสมน้ำเย็น



ทางซ้ายคั้นด้วยมือผสมน้ำอุ่น ทางขวาหางกะทิคั้นด้วยเครื่องผสมน้ำเย็น



สภาพเมื่อวางทิ้งไว้ 3 ชั่วโมงจะสังเกตุเห็นการแยกชั้นของน้ำและเนื้อกะทิ ในน้ำนี้จะมีแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับร่างกายปนอยู่มากคุณสมบัติคล้ายๆน้ำมะพร้าว ถ้าในช่วง 3 ชั่วโมงแรกนี้เรานำถุงนี้วางไว้ในตู้เย็นก็สามารถที่จะแยกน้ำส่วนนี้ออกมาแล้วนำไปปรุงเป็นเครื่องดื่มหรืออาหารได้ และหลังจากวางถุงทิ้งไว้เกิน 12 ชั่วโมง(เม้าส์จิ้ม) จะสังเกตุเห็นชั้นน้ำมันแยกตัวออกมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะถุงทางซ้ายที่คั้นด้วยการผสมน้ำอุ่น (ข้อนี้คงต้องรอผลการทดลองว่าสอดคล้องกับของลุงพูนหรือไม่ ผมสันนิษฐานว่า การใช้น้ำอุ่นเป็นการกระตุ้นให้เอนไซม์ในน้ำกะทิตื่นตัวและทำงานได้ดีขึ้น)


ส่วนหางกะทิที่ผสมน้ำเย็นธรรมดานั้น ยังไม่มีชั้นน้ำมัน มีฟองก๊าซ ถุงบวม ฮ่าๆ แบบนี้นี่เอง



จากรูปที่ผมได้เปิดปากถุงระบายอากาศออกไปบ้างแล้ว ยังสังเกตุได้ว่ามีฟองอากาศอยู่ และมีตะกอนนอนก้นน้อยมาก (ปรกติเมื่อมีขบวนการหมัก เช่นไวน์หรือน้ำส้มสายชู จะมีตะกอนโปรตีนนอนก้น ผมเรียกว่าซากศพของจุลชีพ) แสดงว่าเอนไซม์หรือจุลชีพต่างๆทำงานได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อุณหภูมิ)


ด้วยเหตุนี้ผมจึงจะทำการทดลองควบคุมปัจจัยต่างๆเพิ่มขึ้น โดยการสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมในการหมัก เช่นกระตุ้นให้เอนไซม์ทำงานด้วยการผสมน้ำอุ่น สร้างตู้หมักที่ควบคุมอุณหภูมิได้ โปรดติดตามตอนต่อไป

ความเห็น

ถือว่าบล็อกนี้เป็นการส่งการบ้านก็แล้วกัน เพราะเห็นว่ายังมีข้อสงสัยกันอยู่

พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง

ขอเป็นเพื่อนใหม่ด้วยคน นะครับ ตอนนี้ทำเกษตรปราณีต อยู่ บ้านอยู่พังงาครับ อ. ตะกั่วป่า ต. บางม่วง ชายหาดบางสัก ยินดีต้อนรับทุกท่าน ครับ


โทร 0848445499  

ไว้ผมได้ไปอยู่บ้านสวนเต็มตัว คงจะรบกวนขอคำปรึกษาบ้างนะครับ

พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง

เห็นภาพเลยทีนี้

 

 

msn:lekonshore@hotmail.com

ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร

ขอบคุณ สำหรับ ข้อมูล ครับ

ชัดเจนค่ะ

#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#

ลุงพีคะ


    ทำเสร็จแล้ว ส่งแฟ๊กซ์ให้หนูซักขวดสิคะ

 


หวัดดีค่ะ  ตอนนี้เปรี้ยวกำลังทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นพอดี คราวนี้เป็นครั้งที่สอง แต่ไม่เคยคิดว่าอุณหภูมิของอากาศจะมีผล  ขอผลการทดลองไปอ้างอิงแล้วทดลองต่อนะค่ะ นำมันมะพร้าวสกัดที่เปรี้ยวทำไว้พรุ่งนี้คงจะใช้ได้ ตอนนี้ลอยตัวแล้ว แต่ต้องหากระดาษกรองกอน  พร่งนี้คงมีบล็อกนำมันมะพร้าวสกัดเย็นเพิ่มอีกบล็อกแน่ค่ะ

อยากชี้แจงเกี่ยวกับรสเปรี้ยวของน้ำมันมะพร้าวคิดว่าน้ำหมัก ในน้ำมันมะพร้าวมาปนเปื้อน ในน้ำมนแน่เลย จึงทำให้มีรสเปรี้ยว  ส่วนภาชนะที่ใส่แนะนำให้ใช้ขวดนำโพลาริส ตัดก้นทิ้ง  ปิดฝา  วางส่วนที่มีฝาไว้ล่าง    

หน้า