เขียนไปตามบรรยากาศ

หมวดหมู่ของบล็อก: 


บรรยากาศยามตะวันใกล้พลบที่นาหม่อม

ทำให้นึกอยากจะเขียนกลอน

 ลองนึกคำขึ้นมาได้เป็นประโยค

จึงลองแต่งเป็นกลอนแปด

ดังที่เขียนไว้ด้านล่างนี้

 

  " หลงรักเจ้าหมายปองข้องจิต  


จำห่างไกลไม่ได้ชิดเสน่หา


สิบแปดปีผ่านไปไม่ตรีชา         


ถึงฟ้าสิ้นดินร้างไม่ห่างชม


   ประหนึ่งบัวตูมดอกในตมตื้น 


ไม่อาจชื่นแสงสว่างได้สร้างสม


 ริมตลิ่งดอกโมกพริ้วกระจายลม 


พอชื่นชมคลายจิตสนิททรวง"


 


         ที่แต่งมานี้  กลอนพาไปตามสัมผัส 


ไม่ได้มีความหมายใดๆนะขอรับ 


ทุกท่านโปรดทราบ


 

ความเห็น

ผูกเชือกรัดเอวกันหลงไว้แล้วน้องแอนเหอ  พรื่อๆ  ไปไม่พ้นเสาเริน  อย่างมากก็เวียนรอบเสา ขุดดินปลูกดีปลีอยู่ข้างเรินแลน้องเห้อ

บรรยากาศดี แล้วก็มีอาหารอร่อย...อิอิ

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

  อาหารนี่ต้องยกให้แม่เล็ก  บ้านเขามีน้ำตาลโหนด  เข้ากับอาหารหลายอย่างของปักษ์ใต้  หากินยากนะ  ส้มโหนดเข้าอาหารใต้แล้วหรอย 

เคยได้ยินม้าย..  1ภาพแทน1000คำ

เดี๋ยวต่อเช้า ค่อยพาต้นกล้าตระเวนถ่ายภาพ วงเล็บถ้าฝนไม่ตกนะ 

 กลอนเพราะครับ

ถ้าพี่ไม่ลงท้าย ปล. ไว้ .. ออยคงเข้าใจว่าพี่แต่งจากประสบการณ์จริงแล้วนะเนี่ย อิอิ เพราะค่ะ

  หวันเย็นๆ  พอเอาม้าเข้าคอก แล้วมันเงียบๆ  ก็หาอะไรคิดดูเท่านั้นแล

เอาอีกครับ...


อยากให้พาไปแบบนี้บ่อยๆจังครับ...


เอาอย่างนี้ดีไหม...ทุกครั้งที่เขียนบร็อค ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม...


พี่ขอกลอนส่งท้ายสองบทนะ...ได้ป่ะ..

เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด  ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่

คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู

   แต่ง  ก็ต้อง  หาขอบข่าย ให้เข้ากับ  ดอกไม้ ต้นไม้  เดี๋ยวออกนอกเขตบ้านสวน  นี่ดีนะ  ยังมีบัว มีโมก  พอกล้อมแกล้ม   .....  แต่ยังเข้าข่ายอนุรักษ์วัฒนธรรม  อยู่  พอไปไหว  หึ  หึ  หึ

หน้า