ไม่เชื่อ .... อย่าลบหลู่

หมวดหมู่ของบล็อก: 

          ก่อนอื่นใด ... ขออนุญาต เรียน สมช. ว่าบันทึกนี้ มิได้มุ่งชี้ ผิด - ถูก ในเรื่องใด เพียงหวังว่าให้ผู้อ่าน ได้ใช้ตนเองพินิจ พิจารณา ข้อความที่นำเสนอ ว่าความน่าจะเป็น ที่ถูก ที่ควร เป็นอย่างไร ไม่มีสิ่งใดถูกต้องไปกว่าสิ่งที่ท่านได้คิดอย่างรอบคอบ บนพื้นฐานข้อเท็จจริงที่เป็นเหตุผล

 

        เมื่อวาน ..... ข้าพเจ้าขึ้นรถประจำทาง จากหน้าห้างฯ ใหญ่แห่งหนึ่งแถวฝั่งธนบุรี มีเป้าหมายที่อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย แล้วจะโต๋ เต๋ ต่อไปสะพานหัน จะหาซื้อสมุนไพรไปทำยาใส่แผล(สมาชิกในครอบครัว ใช้ประจำ) ไม่อยากเอารถไปเอง ขับก็เบื่อ เพราะรถติด ที่ยากเย็นสุดๆ คือหาที่จอดยาก แม้ในวัดก็ต้องเสี่ยงเอา ไม่ทราบมีไหม?

        ขึ้นรถ กวาดตาหาที่นั่ง เจอว่างพอดี หน้าผู้สูงวัย คู่หนึ่ง รุ่นราวคราวเดียวกับข้าพเจ้า ไม่ทราบว่าเขาสนทนากันเรื่องอะไรมาก่อน แต่ทันทีที่ข้าพเจ้าหย่อนก้นบนเบาะนั่ง ก็ได้ยินวลี “ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่” อ้อมท้ายทอยมาเข้าหู  ใจข้าพเจ้า แว๊บ ไปเอาคำนี้มาปรุงเป็นปฏิสนธิวิญญาณทันที ปล่อยให้เสียงที่ตามมาหลังๆ เป็นสัมภเวสีวิญญาณ ไปโดยอัตโนมัติ

        ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ระยะหลังนี้ เราได้ยินวลีนี้บ่อยใช่ไหม ... ก็ตอบตัวเองว่า ..อืม...ใช่

        ถามต่อว่า นี่เป็นคำขู่ หรือเตือนด้วยความหวังดี กันนะ ครานี้ คำตอบไม่ยอมมาทันทีเสียแล้ว เพราะขาดข้อมูลในการค้นหาคำตอบ คิดไปตอนแรกว่า น่าใช่ แล้วก็ถูกปฏิเสธในเวลาต่อมา หลายครั้งเข้า เลยคาข้อสงสัยทั้งหมดไว้ก่อน บอกตัวเองว่าต้องไปค้น หาดูบริบทอื่นๆ เสียก่อน

        พอดี รถเลี้ยวกลับที่อนุสาวรีย์ ข้าพเจ้าลงจากรถ เดินย้อนไปเข้าทางถนนดินสอ ทิ้งความคิดเรื่องนี้ไว้ ขืนเดินไป คิดไป เดี๋ยวก็ได้เรื่อง

        กลับถึงบ้าน ว่างภารกิจอื่น หยิบพจนานุกรมฯ ภาษาไทย มาเปิดดูคำว่า “ลบหลู่”.... อ้อ... หมายความว่า “ก. แสดงอาการเหยียดหยาม ต่อสิ่งสักสิทธิ์ หรือต่อผู้มีอุปการคุณ”

        เอาละวะ ... มี “เหยียดหยาม” ซ้อนมาอีกคำแล้วซี ก็ต้องเปิดซ้ำ ได้ความหมายว่า “ดูถูก ดุหมิ่น” ทีนี้มึนตึ้บ

       มันเหมือนกับ นิยามในกฎหมายหมิ่นประมาทไหมหนอ เลยตัดบทซะว่า ถือเอาตามที่วิญญูชนพึงรู้ได้ก็แล้วกัน ข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง เจตนา ข้ามๆ มันซะก็ได้ ผิด ไม่ผิด ก็ไม่ต้องวินิจฉัย ผู้กระทำรู้ตนเองอยู่แล้ว ส่วนการลงโทษ ละโทษ เป็นเรื่องของผู้ถูกลบหลู่

       ที่วุ่นวายค้นหานี่ ... เพราะที่เคยได้ยินทุกคนพูดคำนี้มา จะพูดแบบกำปั้นทุบดิน ไม่ได้อธิบาย ว่าทำไมลบหลู่ไม่ได้ ถ้าลบหลู่แล้วจะเกิดอะไรขึ้น

       เห็นจะมีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ข้าพเจ้าเข้าใจถึงกุศลที่ได้การจากไม่ลบหลู่ และโทษที่เกิดจากการลบหลู่ คือ ครั้งที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สมโภช หลักเมือง ครั้งแรก ซึ่งข้าพเจ้าต้องไปร่วมในฐานะผู้เกี่ยวข้อง มีการมอบจตุคามฯ และผ้ายันต์ พนักงานขับรถของข้าพเจ้าได้มาชุดหนึ่ง เอามาอวดพร้อมถามว่าข้าพเจ้าจะเอาไหม จะได้ไปเอามาให้ ข้าพเจ้าถามเขาว่า เอาไปทำไม ... เขาบรรยายคุณ ซะยืดยาว แถมด้วยข้อต้องละเว้น เมื่อพกพาสิ่งมงคลที่เขาได้มา แล้วถามซ้ำว่าจะเอาไหม....

       ข้าพเจ้า บอกปฏิเสธความหวังดี ของเขา พร้อมบอกว่า “ได้ยองดีมาแล้ว อย่าลบหลู่นะ เดี๋ยวจะปลอง(เสื่อม)” เขายิ้มดีใจ รับปาก “ครับ”

       ที่ข้าพเจ้าเตือนไม่ให้เขาลบหลู่ เตือนจากความรู้สึกจริง เพราะฟังข้อละเว้นที่เขาบอก ซึ่งถ้าใครทำได้ ก็เป็นการน้อมศีล 5 มาไว้ในตัว อยู่แล้ว เช่น ห้ามผิดลูกเมียผู้อื่น ห้ามพูดปด เป็นต้น การที่มีวัตถุมงคลควบคู่ไปด้วย ก็เป็นเครื่องช่วยกระตุก เตือนสติ อย่าให้เผลอไผล ก็ดีนี่

       เมื่อไร ที่เขาล่วงข้อห้าม คือการละเมิดข้อตกลง ซึ่งเท่ากับ “ลบหลู่” วัตรปฏิบัติก็เสื่อม อัปมงคลก็จะโตขึ้น .... กรณีอย่างนี้ ถึงไม่อธิบายเหตุผล ก็อนุมาณได้ ว่าละเมิดมิได้ ละเมิดเมื่อใด ความเสื่อมแห่งตนก็จะมาเยือนเมื่อนั้น....

       ...... แต่หาก ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ตามๆ กันไป โดยอธิบายไม่ได้ ก็จะเป็นทำนองว่า...

                            “น้ำเคี้ยวยูงว่าเงี้ยว           ยูงตาม

            ทรายเหลือบหางยูงงาม                  ว่าหญ้า

            ตาทรายยิ่งนิลวาม                            พรายเพริศ

            ลิงว่าหว้าหวังหว้า               หว่าดิ้นโดยตาม”......

ความเห็น

อย่างที่ว่า นั้นหละครับ ตามๆกันไป ไม่รู้ที่มาที่ไป มันง่ายดี :noooo:

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่  บางมุมมอมงผมว่าไม่น่ามีคำๆนี้เพราะว่าเราจะมองข้ามเหตุผล และจะไม่หาคำตอบ


เป็นการจำกัดทางความคิด และเป็นทางสู่ความงมงาย เป็นช่องทางทำเงินของคนลวงโลก ในทางพุทธแล้ว


ทุกคำถามมีคำตอบ อยู่ที่คุณจะหาคำตอบได้หรือไม่(มีปัญญาพอไหม=การรู้แจ้งทางปัญญา = รู้ด้วยตัวเอง)


ศีล คือความเป็นปรกติ เช่น ไม่เบียดเบียน ไม่ฆ่า สิ่งมีชีวิต  ไม่เอาของของใครก่อนได้รับอนุญาติ เป็นต้น


แต่อย่างไรก็ตาม เรามีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน อนาคตยังมาไม่ถึง อดีตก็ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้


ถ้าศาสนาทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ขอให้ทุกคนยึดตามหลักคำสอนของศาสนานั้นๆ


ขอให้ทุกท่านประสพพบแต่สิ่งดีๆและเจอแต่คนดีๆ อย่างคนในบ้านหลังนี้ ตลอดปีกระต่าย สดใส ร่าเริง 


                                                                   โอเล่  ระยอง     ^~^

หน้า