ส่งใจไปถึงเธอ...Kangchenjunga
หายไปร่วมครึ่งเดือน เป็นอันรู้กันสำหรับคนใกล้ชิดว่า "มันไม่อยู่ ไปเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าที่ไหน" Slowlife เกิดวันที่ 19 เมษายน และช่วงเวลานี้ของทุกปีก็จะไม่อยู่เป็นที่เป็นทาง ไม่บนเครื่องบิน ก็ป่าที่ไหนสักแห่ง เป็นอย่างนี้ทุกปี สำหรับปีนี้เพื่อนๆ บอกให้ไปกันหน่อยมั้ย สิขิม (Sikkim) ส่งโปรแกรมมาให้ดู มีไปชมวัด ไปกังต๊อก (เมืองหลวงของสิขิม) ไปชิมชาที่ดาจีลิ่งกัน...เออ...น่าสนใจ....แล้ววันต่อมาเพื่อนก็ส่งโปรแกรมมาให้ใหม่ว่า
- พี่ว่าเห็นมันมีเส้นทางเทรคด้วยนะ...ไปยอดนี้ไง คังเชนจุงก้า (Kangchenjunga)..Slowlife ก็บอก แล้วไงอ่ะ....
- อ้าว...เราก็ไปเทรคกันไงล่ะ เดี๋ยวหาข้อมูล ติดต่อเอเจนซี่ที่สิขิม ว่ามันเดินเส้นไหนได้มั่ง Slowlife ก็ว่า ไม่ไปอ่ะ เดี๋ยวตาย เค้าเป็น altitude sickness ที่ระดับ 3500 เมตร
เรื่องราวต่อจากนั้นก็เป็นการ built ความอยากเดินเทรคของกลุ่มเพื่อนๆ ที่คอเดียวกัน เพื่อนรุ่นน้องอีกคนถึงกับสัญญาว่าถ้าพี่ไม่สบายคราวนี้หนูจะอยู่เป็นเพื่อน...โห...น้องเค้าทุ่มเท
เกริ่นมายาวๆ เดี๋ยวจะรำคาญนะคะ เป็นอันว่าตกลงไปเทรคกันที่สิขิม....การเทรคที่สิขิมนี้จะค่อนข้างโหดกว่าเล็กน้อย เพราะว่าระหว่างทางที่ลึกเข้าไปในหุบเขา ไม่มีร้านกาแฟ ไม่มี Guest house อาจจะมีกระท่อมสำหรับนักท่องเที่ยว แต่เป็นกระท่อมเพียงอย่างเดียว ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ฉะนั้นขบวนเดินทางของทริปเรา จึงประกอบด้วย Yak 8 ตัว คนงานทั้งหมดที่คอยจัดการเรื่องอาหารการกิน ที่นอน เต็นท์ ฯลฯ อีก 6 คน รวมทั้ง guide อีก 1 คน ส่วนนักท่องเที่ยวคือพวกเรานี่มีกัน 6 ชีวิต
แรกๆ ที่ระดับความสูงสองพันกว่านี่ยังสวย ไม่มีหิมะตก อากาศหนาวเย็นพอรับได้ มีแสงแดดอุ่น ระหว่างทางจะมีดงดอกแมกโนเลียสีขาวสวย ลึกไปเรื่อยๆ ในหุบเขาจะเปลี่ยนเป็นดอกกุหลาบพันปี แต่จังหวะไม่ดี เพราะว่ายังไม่บานเนื่องจากปีนี้หนาวจัด ไกด์ว่าอย่างนั้น
เราต้องใช้เจ้าตัว Yak ขนของ จริงๆ แล้วเจ้าตัวนี้ ไม่ใช้ Yak พันธุ์แท้นะคะ เป็นพันธุ์ผสม จะเห็นว่าขนไม่ยาว บางทีเขาก็เรียกเจ้าพวกนี้ ว่า Dzo ในรูปหิมะตก คนดูแลจะห่มผ้าให้มัน ดูมันอดทนดีจัง ตัวใหญ่มากเดินผ่านเราที่เสียวจะเอาเขาโง้งๆ มาเสยเราเข้าให้
เราเดินลึกเข้าไปในหุบเขาเป็นเวลา 8 วันอากาศเย็นมาก กลางคืนส่วนมากเราจะนอนในเต็นท์แบบนี้แหละค่ะ หนาวจัด เทอร์โมมิเตอร์เราดิ่ง -4 ในบางคืน
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เค้าไปเทรคกันนะคะ เป็นหน้าที่หิมะละลายแล้ว แต่บางคืนก็ยังแอบตกมาซะขาวโพลน 8 วันไม่มีใครได้อาบน้ำหรอกค่ะ แค่จะถอดลองจอห์นออกจากตัวเปลี่ยนเป็นชุดสำหรับนอนหลังการเทรคนี่ก็แทบแย่
ในวันที่ฟ้าสดใส มีแสงแดด ภาพภูเขาน้ำแข็งก็แจ่ม สมค่าแห่งการเดินวันละ 6-7 ชม. แต่จะมีช่วงวันละไม่เกินสามชั่วโมงตอนเช้า นอกนั้นท้องฟ้าจะปิดตลอด ฉากหลังเป็นยอด pundim ยังไม่ใช่ ยอดที่เราอยากเห็น แต่ก็สวยขาดใจเหมือนกัน
ยอดคันเชงจุงก้าในวันที่ฟ้าสดใส แถมให้อีกรูปนะคะ
ยอดคันเชงจุ้งก้า อยู่ใน west sikkim เราเริ่มเดินตั้งแต่ Yoksom ไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ จนถึง GeoCha La ที่ประมาณ 5000 เมตร ยอดนี้สูงเป็นอันดับสามของโลก อยู่ในเนวเทือกเขาหิมาลัย
- อันดับหนึ่ง คือ ยอด everest
- อันดับสอง คือ ยอด K2
- อันดับสาม คือ ยอดนี้ค่ะ Kangchenjunga
เป็นความสวยแบบเย็นเยียบ แสงอาทิตย์น้อยมาก ไม่ค่อยมีพืชพันธุ์เจริญเติบโต บ้านเรามีดิน มีน้ำ มีแสงอาทิตย์ เพราะฉะนั้น ปลูกต้นไม้กันนะคะ...แสงแดดคือพลังแห่งชีวิตค่ะ
- บล็อกของ Slowlife
- อ่าน 4514 ครั้ง
ความเห็น
ตั้ม
21 เมษายน, 2011 - 15:16
Permalink
ว้าว..เจ๋งอะ
ดีจัง..ได้ไปทั่วเลยนะ..ขึ้นอย่างนี้ต้องอึดหน่อย..เก่งๆๆๆๆ..เยี่ยมๆๆๆๆ..อิจฉา
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
Slowlife
22 เมษายน, 2011 - 10:51
Permalink
คุณตั้ม
ไม่่อึดเ่่ท่าไหร่หรอกค่ะ ก็ค่อยๆ เดิน เป็นคนเดินอ่อนที่สุดในกลุ่มแล้วค่ะ คือรั้งท้ายตลอด แต่มีเคล็ดลับจะบอกนะคะ เวลาเดินป่าจะเหนื่อยขาดใจแค่ไหน ก็ขอให้มีกำลังใจเดิน Slowlife เวลาเหนื่อยจัดๆ เดินครั้งละสิบก้าวนะคะ นับในใจเลย ขอให้เดินค่ะ รับรองถึงที่แน่นอน
บ้านสวนพชร:เมื่อมนุษย์เงินเดือนอยากทำสวน
สาวภูธร
21 เมษายน, 2011 - 15:39
Permalink
สุดยอด
มันสุดยอด :good-job: :good-job: :good-job: :good-job:
เจ้โส
21 เมษายน, 2011 - 16:24
Permalink
แฮบปี้เบิร์ดเดย์
แฮบปี้เบิร์ดเดย์ย้อนหลังนะคะ
อย่าว่าจะไปไต่ยอดคันเชงจุงก้าเลยน้อง ทุกวันนี้ขึ้นบ้านชั้นบนยังจะแย่แล้ว .....ดีคะหาความสุขใส่ตัว มีโอกาสได้เที่ยว เจ้ก็ชอบคะ
garden_art1139@hotmail.com
Slowlife
22 เมษายน, 2011 - 10:54
Permalink
เจ้โส
อย่ารีบหมดแรงนะคะ...ออกกำลังกายค่ะ แล้วไปลุย ขอบคุณสำหรับ HBD
บ้านสวนพชร:เมื่อมนุษย์เงินเดือนอยากทำสวน
นกฮูก
21 เมษายน, 2011 - 16:38
Permalink
แฮบปี้เบิร์ดเดย์ย้อนหลังนะคะ
ขอให้มีความสุขมากๆค่า ไม่เห็นชวนไปเที่ยวบ้างเลย
"ขอบคุณน้ำใจที่แบ่งปัน ขอบคุณบ้านสวนพอเพียง"
คนยอง
21 เมษายน, 2011 - 17:07
Permalink
น่าไป
น่าไปครับ แต่คงไม่มีโอกาส
หนาวเกิน...แค่เห็นก็หนาวแล้ว จึ๋ย ๆ ๆ
ป้าต่าย
21 เมษายน, 2011 - 17:21
Permalink
สโลวส์
ไม่ไหว...เห็นหิมะก็หมดแรงเดินแล้ว..ตามไปเที่ยวแบบนี้แหละดี...
คิดให้แตกต่าง...แต่อย่าแตกแยก
tikki
21 เมษายน, 2011 - 17:44
Permalink
ยอดเยี่ยม
ยอดเยี่ยมไปเลย น่าสนุกน่ะค่ะ แต่ต้องอึดน่ะเนียะ ถึงจะไปไหว ความสวย ความถ้าทาย อยู่ข้างหน้า ใจรัก ใจสู้ ซะอย่าง สำเร็จค่ะ
Sopha B'
21 เมษายน, 2011 - 18:21
Permalink
ยอดเขา
ที่นั่นได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนหรือเปล่าคะ
หน้า