ธาตุสี่
จากบล็อกที่แล้ว ได้เขียนเรื่องของความสัมพันธ์ในบ้านสวนพอเพียงไปนั้น คุณลุงแอ๊ดได้กรุณาเข้ามาถามว่า ธาตุสี่ที่พูดถึงนั้นคืออะไร จึงขออนุญาตลุงแอ๊ดมาพูดเรื่องนี้ที่กระทู้ใหม่นี้นะคะ เนื่องจากที่นั่นเนื้อเรื่องยาวมากแล้ว เผื่อว่าลุงแอ๊ดจะกรุณาชี้แนะอะไร ก็เชิญแนะนำที่บล็อกนี้เลยนะคะ
ธาตุสี่ ที่กล่าวมานั้น หมายถึงธาตุทั้งสี่ที่มีความจำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิต คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ค่ะ พอดีได้อ่านโอวาทธรรม เรื่องรู้เขา...รู้เรา ของท่านพระภาวนาวิริยะคุณ แห่งวัดธรรมกายค่ะ ท่านได้กล่าวถึงธาตุทั้งสี่ โดยเปรียบเทียบถึงขั้นตอนการรับธาตุที่ต่างกันระหว่างสัตย์เดรัจฉานกับมนุษย์ ดังที่กล่าวไว้ในบล็อกก่อนหน้านี้ค่ะ
ท่านบอกว่า ร่างกายมนุษย์ประกอบไปด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ ถ้าหิวนั่นหมายความว่าเราต้องการธาตุดิน ถ้ากระหายเราต้องการธาตุน้ำ ถ้าอึดอัดหายใจไม่ออกคือเราต้องการธาตุลม ถ้าหนาวเราก็ต้องการธาตุไฟเหล่านี้เป็นต้น
พอเราเติมธาตุทั้งสี่เข้าไปในร่างกาย ก็จะรู้สึกสบาย ทางการแพทย์ถือว่าเป็นการเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย แต่ธาตุสี่ที่เราเติมเข้าไปมันไม่บริสุทธ์จึงมีการแตกสลาย ทำให้ต้องหาธาตุสี่มาทดแทนส่วนที่สึกหรออยู่ตลอดเวลา
ธาตุสี่ถูกควบคุมด้วยวิญญาณธาตุ หากวิญญาณธาตุไม่บริสุทธิ์จะทำให้ธาตุสี่ไม่บริสุทธิ์ตามไปด้วย วิญญาณธาตุที่มี โลภะ โทสะ โมหะ คือวิญานธาตุที่มีกิเลสแฝงอยู่ เซลล์ในร่างกายมนุษย์จะตายประมาณ สามร้อยล้านเซลล์ต่อนาที แต่ถ้าสำรวมร่างกาย วาจาดีๆ เซลล์อาจจะตายไม่ถึง ร้อยล้านเซลล์ต่อนาที หรือถ้าใจนิ่งพออาจจะเหลือแค่ ห้าสิบล้านเซลล์
ตรงนี้ท่านบอกว่า สัตย์เดรัจฉานจะเติมธาตุโดยตรง (Direct) คือ หิวก็กิน กระหายก็ดื่ม ส่วนมนุษย์เมื่อต้องการธาตุดินคืออาหาร ก็ต้องขุด ต้องไถ ต้องหว่าน จนเก็บเกี่ยวและต้องนำมาหุงหาเป็นอาหารอีกจึงจะกินได้ นี่คือสิ่งที่ท่านบอกว่ามันไม่ได้มาโดยตรง (Indirect)
ของมนุษย์มันซับซ้อน ท่านยกตัวอย่างให้ดูอย่าง หมู หมา กา ไก่ เมื่อหนาวก็ผิงแดด ถ้าไม่มีแดดก็ตายเท่านั้นเอง แต่มนุษย์ต้องมีเสื้อผ้า มีบ้านช่อง มีรถยนต์ มีไอโฟน หรือต้องมีเวปสีเขียวๆขาประจำเพื่อเข้ามาผ่อนคลาย (อันนี้ใส่เองค่ะ! ) ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้มาโดยตรงต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่าการทำงาน เพื่อให้ได้เงิน แล้วจึงเอามาเติมธาตุสี่ และเป็นที่มาของคำถามว่า ทำงานทำไมไงคะ ?
ตอนท้ายหลวงพ่อยังบอกว่า ชีวิตที่เป็นทุกข์ของมนุษย์มีสามประการ คือ หนึ่งทุกข์ที่เกิดจากการดำรงชีวิต สองทุกข์ที่ต้องประกอบอาชีพ ต้องสำรวม กาย วาจา ใจ และสามทุกข์จากการอยู่ร่วมกัน ต้นเหตุแห่งทุกข์ก็คือกิเลสในใจเรานั่นเอง
วารสารต่างๆที่ได้มาเมื่อไปนั่งสมาธิทุกเช้าวันอาทิตย์ที่วัดธรรมกาย จะเก็บไว้และค่อยๆอ่านเมื่อมีเวลาว่าง ในหลายๆเรื่องที่เราอ่านอย่างตั้งใจนั้น เหมือนเราได้เติมปัญญาให้กับชีวิตเพราะพระอาจารย์ได้กรุณาถ่ายทอดเป็นตัวอักษรจารึกไว้ให้เราเก็บไว้อ่านตราบนานเท่านาน หากเพื่อนๆท่านใดสนใจหนังสือเหล่านี้ แจ้งผ่านมาได้นะคะ คราวหน้าถ้าเราได้ไปวัดอีก จะหยิบมาเผื่อค่ะ
- บล็อกของ หมวยเล็ก
- อ่าน 2384 ครั้ง
ความเห็น
ลุงแอ้ด
1 กรกฎาคม, 2011 - 06:17
Permalink
ขอบคุณครับคุณหมวยเล็กที่มาเขี
ขอบคุณครับคุณหมวยเล็กที่มาเขียนเป็นกระทู้ที่น่าสนใจไว้ ถูกของท่านครับที่กล่าวไว้ว่ามนุษย์ต้องการการปรุงแต่ง ไม่สามารถหรือไม่อยากบริโภคธาตูทั้งสี่ได้โดยตรง ต้องทำให้ยุ่งยากขึ้น สิ่งนี้เองที่ทำให้มนุษย์มีอารยะธรรม (Civilization).
น้อย คนแต่แรก
1 กรกฎาคม, 2011 - 08:48
Permalink
คุณหมวยเล็ก
หนุ่มน้อยนั่งสมาธิน่ารักจัง คุณหมวยเขียนตัวเล็กไปนิดนึง คนแต่แรกแก่แล้วแต่ชอบอ่าน :cheer3:
สาวภูธร
1 กรกฎาคม, 2011 - 13:41
Permalink
??????
นั่งสมาธิ หรือหลับ หรือกำลังฝัน :confused: :confused: :confused:
ป้าต่าย
1 กรกฎาคม, 2011 - 18:28
Permalink
หมวยเล็ก
:sweating: :sweating: :sweating: ไปธรรมกาย:sweating:
คิดให้แตกต่าง...แต่อย่าแตกแยก
sam k.
2 กรกฎาคม, 2011 - 22:12
Permalink
น้องหมวยเพชร
เข้าใจโลกทางธรรมมากขึ้นใช่มะสุดท้ายของชีวิตที่แตกดับก็กลายสภาพเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ