แขกไม่ได้รับเชิญ
วันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพมาเล่าให้ เพื่อน,พี่,น้อง สมช.ชาวบ้านสวนพอเพียงฟังค่ะ เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของเจ๊หนูแหม่มเอง แต่ก็คิดมาหลายวันแล้วว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีหรือไม่??? สุดท้ายก็ได้คำตอบให้ตัวเองว่าควรจะเขียนเพราะมีโอกาสที่บ้านสวนพอเพียงมีพื้นที่ให้เขียนเรื่องราวต่าง ๆ จึงควรจะแบ่งปันประสบการณ์ตรงที่ตัวเองได้รับมาให้สมช.ชาวบ้านสวนได้รับทราบและเอาประสบการณ์นี้ไปเป็นข้อสังเกต ข้อเปรียบเทียบ เพื่อรู้ทันโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งโรคนี้เป็นโรคของคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ แต่ท่านสมช.ที่เป็นผู้ชายก็สามารถรู้ไว้เพื่อบอกคนใกล้ชิดที่เป็นผู้หญิงได้ค่ะ
4 สิงหาคม 2553 เจ๊หนูแหม่มได้ผ่าตัดเนื้องอกที่ผนังมดลูกค่ะ (ครบ 1ปี 1เดือน) เนื้องอกมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 ซม. ผ่าตัดคร้งนี้คุณหมอได้ตัดมดลูกออกไปพร้อมกับปีกมดลูก+รังไข่ข้างซ้าย เพราะเปิดหน้าท้องมาเจอพังผืด(ซึ่งเกิดจากการผ่าตัดไส้ติ่งเมื่อตอนอายุ17ปี) รัดปีกมดลูกและรังไข่เสียจนหงิกงอ จนผิดรูปทรงเดิม นี่เป็นสาเหตุหนึ่งของการทำให้มีบุตรยาก จึงไม่มีโอกาสมีบุตรจนถึงวันที่ผ่าตัด ถ้าอธิบายเฉย ๆ คงไม่เห็นภาพใช่ไหมค่ะ งั้นเจ๊หนูแหม่มจะให้ดูของจริงซึ่งเป็นของเจ๊หนูแหม่มเอง คุณหมอเจ้าของไข้ท่านถ่ายรูปเก็บไว้ให้ดูค่ะ อาจไม่น่าดูนักแต่ดูไว้เป็นความรู้นะคะ
รูปซ้ายคือมดลูกนะคะ ติ่งขวามือหงิกงอคือปีกมดลูก+รังไข่ ส่วนรูปขวาคือมดลูกผ่าครึ่งข้างในคือเนื้องอก
เนื้องอก(แขกไม่ได้รับเชิญ) ของเจ๊หนูแหม่ม เข้าไปอยู่ในมดลูกแทน ลูกซะเลย 555
อันนี้เป็นของฝากที่เจ้าเนื้องอกฝากไว้ให้ดูต่างหน้า 14 เข็ม คุณหมอบอกว่าแต่ละเคสจะผ่าเหมือนกันไม่ได้ บางคนผ่าตามรอยขอบบิกินี่ แต่ของเจ๊หนูแหม่มต้องผ่าแบบดั้งเดิม เพราะ หนังท้องหนา 555
ก่อนหน้านี้เจ๊หนูแหม่มมีอาการปวดท้อง(มาก ๆ ) เวลามีรอบเดือน ปวดจนอาเจียร ปวดมาเป็นเวลาหลายปี แต่ไม่ได้สงสัยอะไร คิดว่าเป็นอาการปกติของผู้หญิงเวลามีรอบเดือน เคยไปตรวจก็ไม่เจออะไรผิดปกติจนประมาณ 6-7ปีที่แล้วอาการปวดท้องหายไป เปลี่ยนเป็นการมีรอบเดือนในแต่ละครั้งจะมีปริมาณมากและมีหลายวัน ปวดปัสสาวะบ่อย อีกอย่างเมื่อก่อนเคยบริจาคเลือดแล้วไม่มีปัญหา เมื่อเดือนสิงหาคม 2549ไปบริจาคเลือดครั้งที่ 3 ปรากฏว่า ความเข้มข้นของเลือดไม่ผ่าน (ความเข้มข้นของเลือดผู้หญิงควรจะต้องมี 12-16กรัมเปอร์เซนต์ ผู้ชาย 15-19กรัมเปอร์เซนต์จึงจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ) ก็ยังไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นอะไร
ในรูปนี้เห็นได้ว่าในเดือนสิงหาคม 2549 เลือดของเจ๊หนูแหม่มจาง ต้องกลับไปอัพยาบำรุงเลือดแล้วกลับไปบริจาคใหม่
หลังบริจาคเลือดได้ก็ยังคิดว่าตัวเองสมบูรณ์ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่รอบเดือนยังมาเยอะเหมือนเดิม พอถึงรอบต้องตรวจมะเร็งปากมดลูก ปี 52(เดือนตุลาคม) คุณหมอเจ้าของไข้ที่ผ่าตัดบอกว่าเจอก้อนเนื้อในมดลูกแต่ยังไม่ต้องทำอะไรเพราะไม่ใหญ่ให้ตามอาการ แต่นัดดูอาการอีกทีช่วงเดือนเมษายน พอดีช่วงนั้นกรุงเทพฯไม่ค่อยสงบ เจ๊หนูแหม่มเลยลากยาวมาถึงกรกฏาคม คุณหมอบอกว่ามันใหญ่ขึ้นเยอะ อัลตร้าซาวด์ดูคุณหมอบอกว่าต้องผ่าเพราะไม่อย่างนั้นก็จะมีภาวะเลือดจางตลอด อีกอย่างถ้าไม่คิดจะมีบุตรแล้ว(เนื่องจากเลยเวลา 555) ไม่ควรเอาไว้ เพราะว่ามันอาจกลายเป็นเนื้อร้ายได้
เรามาทำความรู้จักเนื้องอกในมดลูกคร่าวๆกันนะคะ
เนื้องอกมดลูกเป็นเนื้องอกที่พบบ่อยของอวัยวะสืบพันธุ์สตรี ส่วนมากจะพบในสตรีที่อยู่ในช่วงอายุ 40-50 ปี การเกิดเนื้องอกมดลูกเชื่อว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์กล้ามเนื้อปรกติของมดลูก โดยไม่ทราบสาเหตุแน่นอน สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากพันธุกรรม เนื่องจากพบการสืบทอดในครอบครัวค่อนข้างบ่อย นอกจากนี้ยังสันนิษฐานว่าฮอร์โมนเพศหญิงและตัวเร่งการเจริญเติบโตที่มดลูกมีส่วนเร่งให้เนื้องอกนี้โตขึ้น เพราะพบว่าส่วนใหญ่เนื้องอกจะมีขนาดเล็กลงหลังวัยหมดระดู
เนื้องอกมดลูกเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง มีโอกาสเปลี่ยนแปลงเป็นเนื้อร้ายเพียงร้อยละ 0.25-1.08 ซึ่งเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดของเนื้องอกจะโตเร็ว และมีอาการตกเลือดร่วมด้วย เนื้องอกชนิดนี้มักเกิดหลายก้อนในกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้มดลูกโตไม่สม่ำเสมอ ผิวมักจะเป็นลอน ลักษณะค่อนข้างแข็ง มีขนาดแตกต่างกันได้มาก บางครั้งอาจโตได้เท่ามดลูกของสตรีตั้งครรภ์ 6-7 เดือน เนื้องอกที่มีขนาดเล็กมักไม่ก่อให้เกิดอาการ สตรีที่มีเนื้องอกชนิดนี้เพียงร้อยละ 20-30 เท่านั้นที่มีอาการผิดปรกติ
สัญญาณอันตรายและอาการที่พบบ่อย
1.เลือดออกผิดปรกติทางช่องคลอด ส่วนใหญ่มักจะมีเลือดระดูออกมากขึ้น บางรายอาจละเลยเนื่องจากเลือดระดูที่ออกมากเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เมื่อปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ จะทำให้ร่างกายสูญเสียเลือดเป็นจำนวนมากจนซีด มีอาการเหนื่อยง่ายหรือหน้ามืดเป็นลมได้บ่อย
2.อาการจากการกดเบียดของมดลูกที่โตขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการไม่สบายบริเวณหัวหน่าว ปัสสาวะบ่อยขึ้นหรืออาจกดบริเวณทวารหนักทำให้ท้องผูก
3.ผู้ป่วยบางรายอาจคลำพบก้อนในท้องหรือรู้สึกท้องโตขึ้นโดยไม่มีอาการผิดปรกติอื่นๆร่วมด้วย
4.เจ็บปวดบริเวณท้องน้อย แต่โดยทั่วไปเนื้องอกมดลูกจะไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด นอกจากจะเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น เช่น เลือดออกภายในก้อนหรือเกิดการอักเสบของก้อนเนื้องอก เป็นต้น
การรักษา
ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุของผู้ป่วย ขนาดของเนื้องอก ความต้องการบุตร อาการหรือภาวะแทรกซ้อน และสภาพของผู้ป่วย ในผู้ป่วยที่ก้อนเนื้องอกโตไม่มาก และไม่มีอาการผิดปรกติ อาจไม่ต้องให้การรักษาใดๆ เพียงแต่คอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของขนาดเนื้องอก โดยเฉพาะในสตรีที่อายุใกล้หมดระดู เพราะหลังจากหมดระดูก้อนเนื้องอกจะมีขนาดเล็กลง
ส่วนผู้ที่มีเนื้องอกขนาดโตหรือมีอาการผิดปรกติอันเนื่องจากก้อนเนื้องอก โดยส่วนมากแพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดมดลูกทิ้ง หรือเพียงแต่เลาะก้อนเนื้องอกออก แต่ทั้งนี้การจะได้รับการรักษาด้วยวิธีใดขึ้นอยู่กับขนาดของก้อน ความต้องการบุตร และอายุของผู้ป่วย ในการผ่าตัดอาจใช้วิธีผ่าตัดทางหน้าท้องหรือการผ่าตัดผ่านทางกล้องก็ได้ ในรายที่ก้อนมีขนาดใหญ่อาจฉีดยาบางอย่างทำให้ก้อนมีขนาดเล็กลง เพื่อให้การผ่าตัดง่ายขึ้น สำหรับผู้ที่ผ่าตัดเอาเฉพาะก้อนเนื้องอกออก ก้อนเนื้องอกเล็กๆที่หลงเหลืออยู่จะโตขึ้นมาใหม่ได้
วิทยาการการรักษาในปัจจุบัน
ปัจจุบันมีวิธีการรักษาก้อนเนื้องอกโดยไม่ต้องผ่าตัด เพียงแต่ใส่สายพลาสติกเข้าไปทางหลอดเลือดที่ขาหนีบจนถึงหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงก้อนเนื้องอก แล้วฉีดสารบางอย่างไปอุดหลอดเลือดนั้น ก็จะทำให้ก้อนเนื้องอกฝ่อยุบหายได้ ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลศิริราชได้เริ่มนำวิธีการรักษาแบบนี้รักษาผู้ป่วยที่ไม่ต้องการผ่าตัด แต่มีข้อจำกัดคือก้อนเนื้องอกจะต้องไม่โตจนเกินไป และไม่มีข้อห้ามในการรักษาด้วยวิธีนี้
เมื่อ2เดือนก่อนได้คุยกับน้องในหมู่บ้านเดียวกัน มีอาการคลายเจ๊หนูแหม่ม เลยพยายามบอกให้เขาไปตรวจน้องเป็นสาวเลยอาย บอกให้ชวนแม่ไปเป็นเพื่อนไม่ต้องอาย กว่าจะไปตรวจได้ใช้เวลาพอสมควร สรุปแล้ว เป็นเนื้งอกจริงๆ แต่น้องยังไม่ต้องผ่าเพราะยังไม่ได้แต่งงานคุณหมอจะหาวิธีรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้ในแต่ละรายไป อยากฝากสมช.ที่เป็นผู้หญิงว่าควรใส่ใจตัวเอง และสังเกตตัวเองด้วยว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ อย่าปล่อยไว้เหมือนเจ๊หนูแหม่มนะคะ
อย่างไรก็ดีข้อมูลทางวิชาการที่เจ๊หนูแหม่มหามานั้นเป็นแค่บางส่วนเท่านั้น ทางที่ดีถ้าสงสัยอย่างไร ปรึกษาคุณหมอดีกว่าค่ะ เจ๊หนูแหม่มเขียนมาค่อนข้างเยอะ สงสารคนอ่านอีกอย่างวันนี้ก็ปล้ำเขียนบล็อกทั้งวัน เขียนตั้งแต่บ่าย ทำงานไปเขียนไป คลิ๊กผิด คลิกถูก เผลอไปปิดซะเขียนได้ตั้งเยอะแล้วด้วย นี่เลยกลับมาเขียนต่อที่บ้าน ไม่รู้คอมพ์เป็นอะไรอีก ให้ restart now อยู่นั่นแหละ ขอตัวไปหาอะไรกินก่อนนะคะ ยังไม่ได้กินมื้อเย็นเลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/4417
+++++ขอบคุณบ้านสวนพอเพียง ที่ให้พื้นที่เพื่อแบ่งปัน .......
..........ขอบคุณสมช.ทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ+++++
- บล็อกของ เจ๊หนูแหม่ม
- อ่าน 15236 ครั้ง
ความเห็น
สายพิน
8 กันยายน, 2011 - 07:35
Permalink
Re: แขกไม่ได้รับเชิญ
น้องแหม่ม เป็นประสบการณ์ชีวิตที่เกิดเองจริง ๆ เลย เป็นเหมือนการออกสนามรบผ่านสงครามทีเดียว เอาใจช่วยให้หลังจากครบรอบหนึ่งปีทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้นเป็นลำดับ ปลอดภัยและแข็งแรง นะคะ ขอบคุณข้อมูลความรู้ทางเรื่องโรค การปฏิบัติตัว ขอบคุณในความตั้งใจพิมพ์ลงบล็อกทำซ้ำจนอุปสรรคเยอะจังแต่น้องแหม่มไม่ท้อพิมพ์ลงบล็อกมาให้อ่านจนได้ โอ้โฮ สี่ทุ่มกว่าเกือบแล้วยังไม่ได้กินมื้อเย็นเลย ... หิวแย่เลยล่ะค่ะ
ครอง
8 กันยายน, 2011 - 07:37
Permalink
Re: แขกไม่ได้รับเชิญ
ขอบคุณ สำหรับข้อมูลดีดีคะ
ป้าเล็ก..อุบล
8 กันยายน, 2011 - 07:53
Permalink
Re: แขกไม่ได้รับเชิญ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ คอยสังเกตตัวเองเสมอค่ะ
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com
saeng77
8 กันยายน, 2011 - 08:48
Permalink
Re: แขกไม่ได้รับเชิญ
ขอบคุณสำหรับการแบ่่งปันคะ
OnAcademic
8 กันยายน, 2011 - 09:14
Permalink
Re: แขกไม่ได้รับเชิญ
มีอาการปวดท้องตอนมีรอบเดือน ไปตรวจพบซีส แต่ยังไม่อยากผ่าตัด หมอก็บอกว่าหากทานยาแก้ปวดแล้วหายก็ทานไปก่อน ถึงเวลาค่อยไปผ่าตัด ตอนนี้กลัวจะพัฒนาเป็นเนื้องอกจังเลยค่ะ
วิศิษฐ์
8 กันยายน, 2011 - 10:55
Permalink
Re: แขกไม่ได้รับเชิญ
ข้อมูลดีมาก ๆ ครับขอบคุณที่นำมาเผยแพร่ครับ โหวต ๆ แต่ดูแล้วน่ากลัวเหมือนกันครับ..14 เข็มนะ.
eve_chanida
8 กันยายน, 2011 - 11:08
Permalink
Re: แขกไม่ได้รับเชิญ
ขอบคุณพี่หนูแหม่มมากเลยนะคะสำหรับข้อมูลดีๆ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ :bye:
""
อารีย์_กำแพงเพชร
8 กันยายน, 2011 - 11:41
Permalink
Re: แขกไม่ได้รับเชิญ
พี่หนูแหม่ม ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูลดี ๆ จากประสบการณ์ตรง ขอให้พี่หายไว ๆ ตอนนี้หนูก็ต้องคอยสังเกตอาการตามที่พี่บอก เพราะหนูก็ยังมีก้อนเนื้องอกอยู่ในมดลูกอยู่เลย ยังไม่ได้ทำอะไร ตรวจพบเมื่อตอนที่ตั้งครรภ์น้องแพลนเดือนแรก แต่คุณหมอแนะนำว่าก้อนยังเล็ก ประมาณ 4 เซนติเมตร ยังไม่ต้องทำอะไร แล้วตอนที่คลอดคุณหมอก็ไม่แนะนำให้เอาออกเพราะจะเป็นอันตรายต่อคนไข้ได้ (ตอนที่ตั้งครรภ์อยู่ก็เป็นโลหิตจางด้วยค่ะ) หลังคลอดตอนที่ไปตรวจหลังคลอดคุณหมอก็บอกว่าก้อนยังไม่โตนะ อีก 6 เดือนกลับมาตรวจอีกครั้ง นี่เดือนหน้าก็จะครบ 6 เดือนตามที่หมอนัดแล้วค่ะ เห็นพี่แหม่มมาเล่าแบบนี้อยากไปตรวจเดี๋ยวนี้เลยค่ะ อิอิ กลัวค่ะพี่
แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง
เจ๊หนูแหม่ม
8 กันยายน, 2011 - 14:23
Permalink
Re: น้องอารีย์
หมั่นตามอาการนะคะ ตราบใดที่เรามีรอบเดือนก้อนเนื้อนี้ยังโตได้อีกเพราะว่ารอบเดือนเรา คืออาหารของเค้าค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ แต่ละเคสไม่เหมือนกันบางคนรักษาโดยยา แล้วแต่คุณหมอเห็นสมควร บทสรุปไม่ได้อยู่ที่การผ่าตัดนะคะ
พออยู่ พอกิน พอใช้ พอใจ = พอเพียง
lekonshore
8 กันยายน, 2011 - 12:19
Permalink
Re: พี่แหม่มขอบคุณสำหรับข้อมูล
น่ากลัวจังเลย เล็กก็ปวดท้องบ่อยเหมือนกัน จะเป็นไรมั๊ยนี่
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
หน้า