ชีวิตที่เลือกไม่ได้ หรือชีวิตที่ไม่ได้เลือก
หมวดหมู่ของบล็อก:
"เราต้องเรียนให้สูงๆ จบแล้วจะได้มีงานทำมีเงินเดือนเยอะๆแล้วเราจะมีความสุข"
ผม ไม่รู้ว่าความเชื่อดังกล่าวถูกฝังเข้าไปในหัวของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ชีวิตก็ง่ายดี สังคมบอกสูตรสำเร็จให้ผมก็ทำตามเพื่อให้ได้มาเพื่อความต้องการต่างๆของผม
ขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนอะไรนี่ครับ มันง่ายเสียจนเรามองเห็นสิ่งที่เราเรียกว่าความสุขมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมเพียงถ้าเราทำตามกฎเกณฑ์
ทำงาน ได้เงิน นำเงินมาซื้อความต้องการของเราแล้วเราก็จะมีความสุข
เห็นไหมครับมันง่ายมาก
ทุกคนทำตาม ทุกคนมีความสุข เป็นยาสามัญประจำสังคมที่เราพร้อมจะนำมาใช้
สมมุติว่าผมทำงานประจำจันทร์ถึงศุกร์/เช้าถึงเย็น และเริ่มงานตอนอายุยี่สิบแล้วไปปลดระวางเอาตอนอายุหกสิบปี
คุณว่าผมจะมีเวลาฉลองเย็นวันศุกร์หลังเลิกงานได้กี่วัน
เฉลยครับ 1920 ครั้ง
ถ้าผมแทนค่าเย็นวันศุกร์เป็นวันผ่อนคลายน่ายินดีและมีความสุข ผมจะมีวันแห่งความสุขในชีวิตได้ประมาณนั้นแหละครับ
แต่ก็มีบางคนแย้งว่า"วันทำงาน คุณก็มีความสุขได้ ถ้าคุณสนุกกับงาน"
เออนะมันเป็นความจริง ผมสามารถสนุกไปกับการทำงานได้
ผมไม่ขอเถึยง และผมก็ปล่อยให้เขาคนนั้นทำงานของเขาอย่างมีความสุขไปทุกๆวันของการทำงานต่อไป
ชีวิตคนเราเกิดมาบนโลกนี้ไม่นานก็ต้องตาย
ทำไมเราไม่ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า (ผมจะมีวันที่มีความสุขได้มากกว่า1920วันได้ไหม)
ผมเริ่มตั้งคำถามกับสูตรสำเร็จของสังคม
"คุณควรทำงานเยอะๆจะได้หาเงินให้ได้มากๆ(เพื่อเศรษฐกิจของสังคมจะได้มีตัวเลขสองหลัก?)แล้วคุณจะมีความสุขเป็นที่สุด"
"วะ!ทำไมชีวิตถ้ามันจะอยู่ได้อย่างมีความสุขทำไมมันต้องวุ่นวายนัก" นั่นเป็นสบทสามหาวท้าทายสังคมของผมเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว
วันนี้ หลังจากลองผิดลองถูกค้นหาความหมายของชึวิตด้วยการลาออกจากการงานในกรุงมา อยู่ชนบททำสวนปลูกผักปลูกต้นไม้ในที่ดินกว่าเจ็ดสิบไร่แถวๆเชียงใหม่ ด้วยหวังว่าชีวิตของผมจะมีความสุขในแบบสโลวไลฟ์ที่ผมเลือกเอง
ได้ผลครับ ดัชนีมวลรวมความสุขตลอดทั้งปีของผมพุ่งปรี้ด
แต่กราฟมันขึ้นไม่ตลอดครับ ขึ้นบ้างลงบ้าง และครั้งหลังๆไม่เคยขึ้นสูงเท่าปีแรกๆที่มาอยู่ในสวนเลย
สำหรับผมมันตลกตรงที่ว่า ในปีแรกๆนั้นผมทำงานมากและหนักกว่าตอนเป็นมนุษย์เงินเดือนหลายเท่า
แต่มีความสุขมากมายในทุกๆวัน(โดยไม่ต้องรอเย็นวันศุกร์)
ช่วงหลังผมไม่ได้ทำงานในสวนหนักเหมือนวัวอย่างนั้นแล้วครับ
รายได้ในสวนไม่พอเป็นค่าใช้จ่ายเมื่อต้องมีภาระครอบครัวที่มากขึ้น ทำให้ผมต้องหารายได้ทางอื่นเพิ่มเติม
เป็นงานสบายๆที่มือไม่ต้องจับจอบหลังไม่ต้องโดนแดด
แต่ไหงความสุขของผมกลับลดน้อยลงอย่างน่าใจหาย
พืชผักผลไม้ปลูกง่ายครับ ปลูกแล้วเอาใจใส่มันก็โต แต่เวลาจะเปลี่ยนให้มาเป็นสิ่งที่ยังชีวิตเราให้รอดนี่มันยาก
ก็ผมไม่สามารถเอาฟักแฟงไปแลกที่นั่งในโรงเรียนของลูก หรือเก็บชะอมไปแลกยาที่โรงหมอได้ซะเมื่อไหร่
โง่มาก่อนฉลาด แม้ว่าตอนนี้ถึงผมจะไม่ฉลาดมากกว่าเดิมเท่าไรนัก
แต่ก็รู้ซึ้งแล้วครับว่า "การเป็นขบทต่อสังคมในเรื่องการงานทำเงินนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย"
ว่า ไปผมคงมีโชคอยู่บ้างก็ตรงที่ผมมีความสามารถเรื่องของการประกอบอาหารซึ่งเป็น อาชีพอิสระ จึงพอทำให้ผมมีความสุขกับสิ่งที่ผมเป็นอยู่ในปัจจุบันอย่างไม่อัตคัดเท่าไร แต่กระนั้นก็ต้องกินอยู่อย่างระวังทีเดียว
มีคนถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะมาอยู่แบบที่เป็นอยู่นี่ไหม
"ครับ ผมจะเลือกทางชีวิตของผมแบบเดิม เพียงแต่คราวนี้ผมจะเดินอย่างระมัดระวังมากขึ้น"
มีคนมากมายครับที่อยากมีชีวิตที่เนิบช้าและผ่อนคลายกว่าสิ่งที่กระแสสังคมกำลังพาไป
บาง คนมีความฝันอยากออกจากงานที่ทำ มีบ้านชายทุ่ง ปลูกผักกินเอง ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับธรรมชาติ ที่ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าจะพบความสุขที่ตนเองตามหา
บางคนทำแล้ว บางคนรีรอเพราะมองเห็นปัญหาและเงื่อนไขที่ทำไม่ได้มากมายเลยยอมจำนนอยู่กับสภาพเดิมเพราะไม่อยากเอาอนาคตไปเสี่ยง
"ชีวิตน่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายๆ ทำไมเราต้องทำให้มันซับซ้อนด้วย"
โจน จันใด บุคคลผู้ซึ่งเปลี่ยนมาเลือกใช้ชีวิตที่เรียบง่ายพูดให้ได้คิด
(ติดตามบทสัมภาษณ์โจน จันใดได้ที่ http://www.lonelytrees.net/?p=1066 )
บางทีคำพูดนี้อาจจะกระตุกต่อมสงสัยของใครบางคน
" ถ้าชีวิตของเราวุ่นวายนัก ยังมีทางเลือกอื่นๆนอกจากทางที่เรากำลังใช้ชีวิตอยู่นี้หรือไม่"
แล้วคุณที่บังเอิญผ่านเข้ามาอ่านจนถึงบรรทัดนี้ล่ะครับ
คุณคิดว่ายังไง
- บล็อกของ backlight
- อ่าน 14856 ครั้ง

ความเห็น
ธนนันท์
28 เมษายน, 2012 - 21:49
Permalink
Re: ชีวิตที่เลือกไม่ได้ หรือชีวิตที่ไม่ได้เลือก
เฮ้อ!...ธนนันท์ก้อ...มีความสุขไปวัน ๆ ไม่ได้คิดอะไรมากมายเล้ย...ทั้งสุข ทั้งทุกข์ผ่านเข้ามา แล้วก็ผ่านเลยไป เตรียมตัวเตรียมใจยอมรับมัน...อยู่กับมัน...ลาจากมัน...ไม่มีสิ่งไหนอยู่กับเราได้นาน ๆ หรอกค่ะ ทั้งสุข...ทั้งทุกข์...
LPP_mougsi
28 เมษายน, 2012 - 21:50
Permalink
Re: ชีวิตที่เลือกไม่ได้ หรือชีวิตที่ไม่ได้เลือก
ไม่ว่าเราจะทำงานที่ไหน ก็มีปัญหาทั้งนั้น อยู่ที่จะเก็บเอาปัญหามาคิดให้เป็นทุกข์หรือปล่อยวาง การทำงานกับหมู่มากปัญหาก็จะมาก การทำงานในสวนอาจพบปะผู้คนน้อยปัญหาจึงน้อย เดี๋ยวชนบทที่เจริญก็เริ่มมีปัญหาการชิงดีชิงเด่น ความเห็นแก่ตัว ทุกอย่างอยู่ที่ว่าจะใช้สติกับปัญญามาแก้ปัญหาและมองปัญหาอย่างไร
Slowlife
28 เมษายน, 2012 - 22:33
Permalink
Re: ชีวิตที่เลือกไม่ได้ หรือชีวิตที่ไม่ได้เลือก
คุณจะบอกอะไรกับคนอ่านหรือคะ...จะบอกว่า ออกจากงานแล้วมาทำไร่ แรกๆ ก็มีความสุขดี พอหลังๆ รายจ่ายกับรายรับสวนทาง ก็เลยต้องหางานอย่างอื่นทำนอกจากทำไร่???? หรือว่า ทำอะไรก็ได้ แต่เราต้องไม่ประมาท ใช้ชีวิตยังไงก็ได้ แต่ต้องระมัดระวัง
จริงๆ ชีวิตมันก็ง่ายนะคะ....แต่เราทำให้มันยากเอง ความสุข ความต้องการของแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกค่ะ ไม่แอนตี้ใครหรอกนะคะ...การศึกษาชีวิตของใครนั้น แล้วคิดว่าตัวเองต้องเป็นแบบนั้น มันไม่ใช่หรอกค่ะ ยากมาก อ่านแค่เป็นแรงบันดาลใจพอขำๆ เพราะประสบการณ์เดิมของแต่ละคนไม่เท่ากัน พูดง่ายๆ คือมีต้นทุนร่างกาย สติปัญญา จิตใจและทรัพย์สินไม่เท่ากัน ยังไม่นับรวมถึง คนอื่นที่ผูกชีวิตไว้กับเราอีก คนที่ทำแบบนั้นได้ อยากให้สังเกต เริ่มแรกเลย ส่วนมาก คนแบบนี้ต้องเป็นคนๆ เดียว ไม่มีมีครอบครัว ถ้าเขามีก็ต้องเป็นแบบทำให้ไม่มี ไม่แคร์ใคร คือตัดชีวิตให้รุงรังน้อยที่สุด ถ้าใครมีเมีย แล้วยิ่งมีลูก...ยากค่ะ..อย่างที่คุณว่าแหละ "ไม่ได้เก็บชะอมไปแลกยาได้ซะเมื่อไหร่"
ชีวิตแบบที่เอาของมาแลกกันน่ะ มันเป็นโมเดลที่เคยมีมาแล้ว มันก็พัฒนาเติบโต ไม่เวอร์ค ไม่มีสภาพคล่อง ไม่มีอัตราการแลกเปลี่ยนที่ชัดเจน จนต้องมีตัวกลางในการแลกเปลี่ยนคือ "เงิน" ที่นี้ปัญหาไม่ใช่ว่ามี "เงิน" แต่เป็นปัญหาเรื่องการ"ใช้เงิน"มากกว่านะคะ....
คนแบบที่สองที่ทำแบบนี้ได้ คือ "ต้องมีปัจจัยอยู่บ้างแล้ว" ปัจจัยในที่นี้ คือ เงิน ที่ดิน สรุปง่ายๆ คือมีทรัพย์ อาจจะไม่เป็นมหาเศรษฐี แต่ก็ต้องพอมี แต่มีจนเบื่อแล้ว วันหนึ่งก็คิดมาได้ว่า "เฮ้ย...ไม่ใช่นะ เราจะกำเงินสองร้อยไปซื้อผัก ไม่่ดีๆ มีสารพิษ ไม่ภูมิใจ ฯลฯ" ไม่มีความสุข แล้วก็หัดมาเปลี่ยนวิถีของตัวเอง แต่ยังมี "อู่ข้าวอู่น้ำ" อยู่จะมากจะน้อยก็ว่ากันไป
มันอาจจะเป็นความคิดที่ผิดก็ได้นะคะ แต่เราก็แชร์ๆ กัน เพราะฉะนั้น ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือน ไม่เท่ากัน ไม่เป็นแบบเดียวกัน ความสุขอยู่ที่ใจเรามากกว่าค่ะ
มาถึงบรรทัดนี้ก็ตอบได้ว่า...ทางเลือกนั้น ถ้าเราตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าทางที่ไม่เลือกมันจะไม่ดี เพราะเราจะไม่มีทางรู้ เพราะเราไม่ได้เลือกมัน....งงมั้ยคะ
บ้านสวนพชร:เมื่อมนุษย์เงินเดือนอยากทำสวน
backlight
29 เมษายน, 2012 - 13:14
Permalink
Re: ชีวิตที่เลือกไม่ได้ หรือชีวิตที่ไม่ได้เลือก
มาถึงบรรทัดนี้ก็ตอบได้ ว่า...ทางเลือกนั้น ถ้าเราตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าทางที่ไม่เลือกมันจะไม่ดี เพราะเราจะไม่มีทางรู้ เพราะเราไม่ได้เลือกมัน....งงมั้ยคะ
ไม่งงหรอกครับ รู้มาตั้งแต่แรกว่าทางที่ผมไม่เลือกนั้นมันไม่ดีสำหรับผม ผมรู้เพราะผมได้ลองแล้วและผมไม่คิดว่ามันเหมาะกับตัวผม เมื่อผมคิดว่ามันมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ผมก็เลือก ผิดถูกผมก็ต้องยอมรับเพราะเป็นคนตัดสินใจเอง เรื่องอย่างนี้ต้องให้เจ้าตัวตัดสินครับ คุณบอกว่ามันอาจจะดีก็ได้ครับไม่เป็นไรมันอาจจะดีก็ได้ แต่ถ้าให้ผมย้อนเวลาได้ผมก็จะทำอย่างเดิมเพราะผมเชื่อว่ามันดีสำหรับผมไง
มีประเด็นนี้เท่านั้นครับที่ผมต้องชี้แจง เพราะมันคลุมเคลือว่าผมจะสบประมาทว่าคนอื่นที่ไม่เลือกอย่างผมว่าเป็นทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งไม่มีอยู่ในความคิดของผม ถ้ามีประโยคใดของผมที่ทำให้คล้อยตามไปในทางที่ว่าผมยินดีแก้ไขครับ
เรื่้องคนต้นแบบ "อ่านแค่เป็นแรงบันดาลใจพอขำๆ" ผมเห็นต่างครับเฉพาะถ้อยคำที่อ้างถึง เพราะผมเชื่อว่า มีคนจำนวนมากต้องการแรงบันดาลใจที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนอะไรที่มันสำคัญสักเรื่องของชีวิต บุคคลต้นแบบเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้บางคนหันมาเปลี่ยนเปลงชีวิตของตนได้ ถ้าคนเหล่านั้นคิดว่าแค่อ่านขำๆแล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องมีคนต้นแบบในสังคมหรอกครับ เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดไม่ต้องทำตามคนอื่นหรอกแค่นั้นยังไม่พอสำหรับการพัฒนาตนเองครับ ส่วนที่ว่า"การศึกษาชีวิตของใครนั้น แล้วคิดว่าตัวเองต้องเป็นแบบนั้น มันไม่ใช่หรอกค่ะ"ผมได้อธิบายในคอมเมนต์ของผมอันอื่นแล้ว
นอกนั้นก็เห็นแบบคุณslowlifeแหละครับ ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดกันครับ
Tug Lerk
28 เมษายน, 2012 - 23:43
Permalink
Re: ชีวิตที่เลือกไม่ได้ หรือชีวิตที่ไม่ได้เลือก
ข้อคิดเห็นของแต่ละท่านใช่เลยค่ะ ทั้งที่เราเลือกและไม่ได้เลือก เลือกแล้วมีความสุขหรือทุกข์ ทุกกรณีขึ้นอยู่กับตัวเรา เรามีเหตุ มีผล มีเงื่อนไขอย่างไร กับสิ่งที่เราได้เลือกและที่ไม่เลือก เช่นในขณะที่เราเลือกทำสิ่งที่มีความสุขแต่มีอุปสรรค ถ้าเรารับกับอุปสรรคและแก้ไขมันหลีกเลี่ยงมันได้ ถือว่าปกติ(ทำงานที่ชอบ ที่ได้เลือกด้วยตัวเองมีความสุขแน่นอน หากเกิดรายได้ไม่พอ ต้วเราได้พิจารณา รายจ่ายเท่านั้นเองค่ะ)
Dauphin
29 เมษายน, 2012 - 04:18
Permalink
Re: ชีวิตที่เลือกไม่ได้ หรือชีวิตที่ไม่ได้เลือก
สวัสดีค่ะ คุณbacklight - อ่านแล้วต้องทำความเข้าใจต่อบทความที่ลง :confused: ถ้าไม่มีเงินแล้วเวลาไม่สบาย (ทำไงค่ะ) การไปหาหมอสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าไปโรงพยาบาลรัฐตัวยาที่ให้มา(คุณภาพดีไหม?) ถ้าไปหาหมอโรงพยาบาลเอกชน (คุณภาพยามาจากเมืองนอก) ถ้าไม่มีเงินไปหาหมอๆก็ไม่รักษาให้ ไม่ได้ว่าคุณหมอไม่ดีนะค่ะ แต่ที่ไหนๆๆต้องเงินมาก่อนเสมอ //ขอบคุณค่ะ :beg:
ชีวิตที่เรียบง่ายกับความพอใจในสิ่งที่มี
backlight
29 เมษายน, 2012 - 08:23
Permalink
Re: ชีวิตที่เลือกไม่ได้ หรือชีวิตที่ไม่ได้เลือก
เมื่อคืนฝนตกครับ ตอนเช้าพอตื่นขึ้นมาเดินออกไปหน้าสวนก็พบกับหมอกสวยๆเลยเก็บภาพมาฝากแทนคำ
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น
ชีวิตที่เลือกไม่ได้ หรือไม่ได้เลือก เป็นคำถามที่ผมถามตัวเองในอดีต
และผมก็ได้เลือกสิ่งที่ผมคิดว่าใช่สิ่งที่เป็นตัวผม
ในบทความผมได้บอกว่า เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง ผมก็ต้องปรับตัวให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้
ด้วยการทำอาหารและขนมขาย ซึ่งก็ทำให้ผมอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้โดยไม่ได้ยอมแพ้
ถ้าไม่อย่างนั้นผมคงต้องกลับเข้าไปทำงานเดิมที่ผมเคยทำในเมือง และผมไม่มีความสุขที่นั่น
สิ่งที่ผมต้องการจะบอกก็คือ คนเราน่าจะมีทางเลือกมากกว่าหนึ่งทางเสมอ
ทางที่เลือกอาจไม่ใช่ทางที่เหมาะสำหรับทุกคน แต่แสวงหาทางเดินที่เหมาะกับเรา
ให้เรายืดหยุ่นยอมรับกับสถานการณ์ ปรับตัวยอมรับกับมัน
ความสุขที่มีแม้จะไม่มากเท่ากับความฝันที่เราตั้งไว้ก็ไม่เป็นไร
ชีวิตคือการเรียนรู้ ผมยอมรับกับสิ่งที่ผมตัดสินใจ
ระมัดระวังจะไม่ให้ผิดพลาดซ้ำอีก
ไม่ได้ยุยงให้คนมาเดินถนนเส้นเีดียวกันหมด
ตรงข้ามบอกเป็นนัยว่า มันไม่ง่ายให้คิดให้ดี
จะเป็นอย่างไรถ้าโลกนี้มีแต่คนทำการเกษตร
เจ็บไข้ได้ป่วยจะไปหาใคร เครื่องมือที่มันเสียจะเอาไปให้ใครซ่อม
ผมให้เกียรติในทุกคน เคารพในทุกอาชีพ เคารพในความแตกต่างของความเชื่อและความเห็น
ผมขออภัยที่เขียนบทความไม่รัดกุม
มีหลายคอมเมนต์ที่เห็นแย้ง แต่ผมกลับเห็นด้วยกับท่าน
เห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้วครับเพียงแต่เขียนไม่เป็น หรือเขียนไม่ครบถ้วนกับสิ่งที่คิด
คราวหน้าจะพยายามให้ดีขึ้น
ขอบคุณครับที่มาเติมช่องว่างให้
maw_tot
29 เมษายน, 2012 - 11:52
Permalink
Re: ชีวิตที่เลือกไม่ได้ หรือชีวิตที่ไม่ได้เลือก
อยู่ทีความพร้อมของแต่ละบุคคลค่ะ
ชีวิตเป็นเรื่องง่ายๆ จะทำให้ยากทำไม
backlight
29 เมษายน, 2012 - 16:40
Permalink
Re: ชีวิตที่เลือกไม่ได้ หรือชีวิตที่ไม่ได้เลือก
เพิ่มเติมรายละเอียดนะครับ เป็นรูปถ่ายที่สวนและงานสวนที่ผมทำในวันนี้
เป็นภาพด้านหน้าสวนของผมครับ ภาพนี้ถ่ายในช่วงเดือนธันวาคม
ไม้ที่ปลูกเพื่อใช้งานและขายเป็นไม้ท่อนเพื่อแปรรูปครับ ด้านมุมขวามีต้นมะไฟที่ติดผล เดือนหน้าก็เก็บขายได้แล้วครับ
สภาพบริเวณสวนไม้ผลครับ ผมปลูกแบบเกษตรผสมผสาน ต้นไม้จึงไม่เป็นแถวเป็นแนวอย่างที่เห็น
งานสำหรับวันนี้ครับ เป็นการชำกล้าสตอเบอรรี่เพื่อปลูกในหน้าหนาว
นั่งชำกันสองคนกับแฟนสองสามชั่วโมงได้เกือบร้อยถุง
กล้วยที่เห็นในถังก็เป็นกล้วยสุกที่อยู่ในสวน จะเอาไปทำกล้วยตากขายครับ
กล้วยที่ตากเอาได้สามแดดครับ จวนได้ที่แล้ว แฟนผมจะเลือกเอาที่สวยๆไปขาย
สิบลูกสิบแปดบาท ขายดีครับมีเท่าไรก็หมด
สตอเบอรี่ที่ได้ ผมไม่ขายเป็นผลสดครับ ปลูกไม่เยอะเท่าไร จึงเอามาทำเป็นแยมหรือไม่ก็เก็บผลสดมาแต่งหน้าเค้ก เค้กที่เห็นเป็นเค้กแยมส้มนะครับเอาภาพมาให้ดูแทนเพราะว่าเค้กสตอเบอรี่ไม่ได้ถ่ายเก็บไว้
กล้วยก็เอามาทำกล้วยทอดได้ เนื่องจากว่ามีคนทำขายเยอะ เลยหาจุดขายเป็นกล้วยชุบช็อคโกแล็ต
วันนี้ผมทำขนมกระหรี่พัพครับ การทำขนมเป็นการต่อยอดผลผลิตที่มีในสวน ทำไปทำมารายได้ส่วนนี้มีมากกว่ารายได้ของสวนเสียอีก
การทำงานแต่ละวันผมดูคราวๆว่า วันหนึ่งควรทำงานให้ได้อย่างน้อยให้มากกว่ารายจ่ายในแต่ละวัน เช่นวันนี้ต้นกล้าถ้าให้ผลผลิตแล้วถุงละ5บาท กล้วยตากอีกสี่ห้ากล่อง รวมกับเงินที่ได้จากการขายขนม ถ้าทำสวนน้อยหน่อยก็ชดเชยที่ต้องขยันทำขนมขายให้มากขึ้น ทำอย่างนี้มาหลายปีแล้วก็พอมีเงินออมในแบงค์ ใช้จ่่ายก็พอประมาณ ประหยัดจนเคยไม่คิดว่าตัวเองขาดอะไร ไม้สัก,แดง,ประดู่ ทำลืมๆ อีกแปดเก้าปี ก็ได้เส้นรอบวงที่เจ็ดสิบเซนต์ ราคาปัจจุบันอยู่ที่ต้นละพันห้า ถ้าโชคไม่ดีเหลือต้นไม้สวยๆแค่หนึ่งในสาม ก็เป็นสวนเงินล้านได้เหมือนกัน
ผมปลูกสักเอาไว้หมื่นกว่าต้น ในเนื้อที่สามสี่สิบไร่ ที่เหลือเป็นสวนเกษตรธรรมชาติที่ดูต้นแบบมาจากผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม(ขอขอบคุณท่านที่ได้เมตตาให้เข้าไปกินนนอนและดูงานในสวนท่านโดยไม่ ได้เรียกร้องสิ่งใดตอบแทน)
สรุปแล้วทุกวันนี้ผมมีความสุขกับงานที่ทำ ทั้งงานสวนที่ชอบและขายขนมเพราะใจรัก
สำหรับคุณโจน จันใด ที่ผมยกเอามาเป็นตัวอย่างการเปลี่ยนชีวิตกลับสู่ธรรมชาติ เพราะคิดว่าท่านนี้เป็นคนคิดดีทำดี อย่างน้อยก็ทำงานเพื่อสังคมก็เป็นที่ประจักษ์ และที่ยกตัวอย่างผมมาไม่ได้คิดว่าจะต้องมีใครทำตามแบบนั้น ชอบในแนวคิดไม่ได้หมายความว่าต้องเดินตามอย่างเขาในทุกเรื่อง ผมเชื่อว่าคนทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจะเลือกรับอย่างไรให้เหมาะกับตนเองจึงไม่ได้ใส่รายละเอียดแบบว่าื ตำ้่กว่าสิบแปดควรใช้วิจารณญาน :desperate:
ความรู้ผมไม่มากครับ แต่อยากจะแชร์ประสบการณ์กับเพื่อนๆทั้งส่วนที่คิดว่าทำได้เรื่องและทำไม่ได้ดี คิดว่ามีอีกหลายเรื่องครับที่อยากบอกเล่าให้ฟัง
ถ้าคิดว่าเป็นประโยชน์ได้บ้างก็จะทำต่อครับ :embarrassed:
เพียงพอ
29 เมษายน, 2012 - 19:48
Permalink
Re: ชีวิตที่เลือกไม่ได้ หรือชีวิตที่ไม่ได้เลือก
นับถือคะที่กล้าเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง แต่มีตั้ง 70 ไร่คิดถูกแล้วคะที่เปลี่ยน ตอนนี้ก็อยากจะเปลี่ยนเหมือนกันคะเพราะเบื่องานราชการมาก ๆ แต่มีที่อยู่แค่ 50 ตารางวาที่พอจะปลูกผักได้ แค่ปลูกทานเองยังไม่พอเลยคะ เลยต้องระงับความเบื่อของตัวเองไว้ก่อน ตอนนี้เลยได้แต่ชมสวนของสมาชิกบ้านสวนฯไปก่อนคะ สู้ต่อไปนะคะ เกษตรก็เลิศทำอาหารก็เก่งอนาคตดีแน่นอนคะ
หน้า