ปลีกล้วย : ช่วยกันกินทั้งคนและไก่

มาอยู่ที่นี่ได้มากกว่าห้าปีแล้ว บ้านที่ถูกเรียกว่า "บ้านกอกล้วย" เป็นบ้านเช่า ที่มีแปลงกล้วยมากมายอยู่หน้าบ้าน ได้อาศัยผลผลิตจากกล้วยมาทำหลายอย่างตั้งแต่กระทงห่อหมกไปจนถึงกล้วยตาก วันนี้เข้าไปลุยป่ากล้วยได้หัวปลีเล็กๆ มาสี่หัว พอได้กินกับหมูผัดกะปิ

ที่บ้าน แม่เรียกหมูผัดกะปิว่า "หมูลุยโคลน" เป็นอาหารที่เปลืองข้าวมาก มาอยู่ที่นี่ เพื่อนร่วมบ้านซึ่งเป็นคนท้องที่ทำหมูผัดกะปิไม่เหมือนที่บ้านของผม นอกจากหมูสามชั้น เขาจะซื้อกากหมูใหม่ๆ หอมๆ มาใส่ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มทั้งมวลและเพิ่มความนุ่มมันอร่อยจนผมต้องขอร้องให้อย่าซื้อมาใส่เพราะไม่อยากอ้วนไปกว่านี้

หมูผัดกะปิ เข้ากันดีมากกับหัวปลี แต่บางคนไม่ชอบความฝาด กินแนมกับแตงกวาหรือผักชีก็ได้ ทำก็ง่าย เอาพริกขี้หนู หัวหอม กระเทียม พริกไทย และที่ขาดไม่ได้คือรากผักชีมาโขลกให้เข้ากัน จากนั้นเติมกะปิ หั่นหมูสามชั้นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงในกระทะที่มีน้ำมันล่อเล็กน้อยผัดจนเหลืองก็ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัด เติมน้ำพอท่วม เคี่ยวพอประมาณ พอชักจะงวดก็ใส่น้ำตาลลงไปพอชูรส

เวลาทำหมูผัดกระปิ คงต้องหุงข้าวเพิ่มไว้กว่าปกติ

ผมเองชอบกินหัวปลีเฉพาะตรงกาบหุ้ม ไม่กินดอกเพราะมันขมๆ ฝาดๆ ปกติก็แกะทิ้งหมด แต่ตอนนี้มีไก่ที่บ้านด้วย ก็เลยเอาดอกกล้วยที่แกะทิ้งมาสับๆ ปนลงไปกับอาหารไก่ และเศษข้าว พรมด้วยน้ำหมักผลไม้และเศษผัก หมักค้างคืนไว้ ดอกกล้วยสับนิ่มและเป็นสีคล้ำ ดูเหล่าลูกไก้และไก่กระทงก็ชอบกินกันพอสมควร

ผมเคยอ่านเจอว่าหัวปลีมีโปรตีนอยู่ด้วย แต่ไม่รู้ว่ามากเท่าๆ กระถินที่มีโปรตีนสูงเหมาะแก่การเอามาทำอาหารไก่หรือไม่ แต่หัวปลีได้ชื่อว่าแคลเซียมสูง ก็เลยคิดเสียว่า เป็นอาหารเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูกของเหล่าลูกไก่ก็แล้วกัน