ปั่นจักรยานท่องเที่ยวไทยไปได้ค่ะ ตอนที่ 4
เมื่อปั่นจักรยานเที่ยวนครศรีฯเสียจนปรุ อ้อยหวานก็เริ่มเสาะหาที่ใหม่
เช้าวันหนึ่งปั่นจนมาเจอป้ายนี้ เลยได้เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด
ถนนก็ร่มรื่นดีจริงๆ
ใกล้ความจริงเข้ามาแล้วค่ะ (เอ…หรือว่าจะยาวไปสงขลาดี) เห็นไหมค่ะถนนร่มรื่นมาก
ถึงแล้วค่ะ รูปนี้ถ่ายบนสะพานข้ามแม่น้ำปากพนัง แล้วก็มีโทรศัพท์มาจากแคนนาดา โทรมาเช็คว่าถึงแล้วยัง เพราะมีเขารู้อยู่คนเดียวว่าวันนี้เป้าหมายของอ้อยหวานอยู่ไกล ออกจากบ้าน 5.45 ถึงปากพนัง 8.40 ไม่มีใครที่นครรู้ เลยต้องโทรไปบอกแม่จากบนสะพาน เพราะปรกติกลับถึงบ้านก่อน 9 โมงทุกเช้า ถ้าบอกก่อนก็คงไม่ได้ไป สำหรับคนที่แคนนาดาเขาบอกอ้อยหวานแค่ 2 คำ " Have fun and Take care" = เทียวให้สนุกนะและดูแลตัวเองด้วย
เขาหลวงมองจากสะพานข้ามแม่น้ำปากพนัง
จุดมุ่งหมายที่ไปปากพนังเพราะอยากไปดูแม่น้ำปากพนัง
ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องลือว่าสวยมากเรียงรายไปด้วยบ้านไม้เก่าแก่
และ"คอนโดนก" ซึ่งมีอยู่มากมายที่ปากพนัง
ฝึกซ้อมเรือเพรียว สำหรับงานประเพณีลากพระและแข่งเรือเพรียวออกพรรษาซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ของปากพนัง
ริมแม่น้ำปากพนัง
"คอนโดนกนางแอ่น" ไม่จำเป็นต้องมีหน้าต่าง แค่เจาะรูเล็กๆสำหรับให้นกเข้าออกเท่านั้น แต่ละคอนโดได้ยินมาว่าค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเท่ากับคอนโดของคน
แต่สร้างเสร็จแล้วก็ไม่ใช่ว่าน้องนกย้ายเข้าไปอยู่เลย ต้องมีการเชื้อเชิญโดยติดลำโพงเปิดเสียงนกนางแอ่น โฆษณาโกหกให้น้องนกเข้าใจผิดว่ามีพรรคพวกอยู่กันมาก เลยย้ายตามมาบ้าง แต่มีบางหลังทียังร้างอยู่ไม่ถูกใจน้องนกเสียที
ที่จริงเคยไปดูหลายครั้งหลายคราแล้วค่ะ
แต่ดูบนรถยนต์ ซูมไปก็ซูมมา ไม่ละเอียดไม่สะใจเหมือนปั่นจักรยานชม
"คอนโดนกนางแอ่น"ปรกติจะไม่เปิดให้เข้าชมค่ะ เพราะจะเป็นการรบกวนนก แต่หลายปีมาแล้วฝรั่งที่บ้านและลูกๆไปด้วย เลยได้สิทธิพิเศษ ญาติของญาติของญาติของญาติ (หลายทอดค่ะ) เปิดให้ดู ไม่ค่อยจะน่าดู และกลิ่นก็เหม็นเอามากๆ ดูอยู่ข้างนอกดีที่สุด
ถึงเวลากลับบ้าน ไปขึ้นเรือยนต์ข้ามฝาก
แล้วต่อรถเมล์กลับนคร
ข้อดีของจักรยานพับได้ค่ะ พับเอาวางไว้หลังรถเมล์ได้พอเหมาะพอเจาะ
เราเดินทางเพื่อ... ค้นหาตัวเอง
เราเดินทางเพื่อ...เปิดตาเปิดใจให้เรียนรู้โลก
เราเดินทางเพื่อ...ชะลอเวลา…และซึมซับโลกที่สวยงาม
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
ขอบคุณค่ะ
อ้อยหวาน
+++++++++++++++++++++++++++++++++
ประวัติอำเภอปากพนัง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดปกครองท้องที่ให้มีมณฑลเทศาภิบาลใน ร.ศ. 114 อำเภอปากพนังมีชื่อว่า อำเภอเบี้ยซัด หมายถึง ที่คลื่นซัดเอาหอยเบี้ยจากทะเล ซึ่งสมัยโบราณใช้หอยเบี้ยเป็นเงินตราแลกเปลี่ยนสินค้า และในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2445 ได้มีพระบรมราชโองการให้เปลี่ยนชื่ออำเภอเบี้ยซัดเป็น อำเภอปากพนัง เมืองปากพนัง เป็นเมืองท่ามาตั้งแต่ครั้งอดีต เป็นศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล และมีอ่าวภายในบริเวณปากแม่น้ำปากพนัง เหมาะแก่การเดินเรือ และทำการกระจายสินค้าต่อไปยังหัวเมืองสำคัญอื่นๆ ทำให้สภาพเศรษฐกิจในสมัยก่อนเฟื่องฟูมาก เนื่องจากมีสำเภาจากเมืองจีนและเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่มาเทียบท่าและกระจายสินค้า และนอกจากนี้ยังปรากฏในพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)ในคราวเสด็จเยือนเมืองปากพนังเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2448 ความตอนหนึ่งว่า "อำเภอปากพนังนี้ได้ทราบอยู่แล้วว่าเป็นที่สำคัญอย่างไร แต่เมื่อไปถึงฝั่งรู้สึกว่าตามที่คาดคะเนนั้นผิดไปเป็นอันมาก ไม่นึกว่าจะใหญ่โตมั่งมีถึงเพียงนี้" และอีกตอนหนึ่งว่า "เมื่อ จะคิดว่าตำบลนี้มีราคาอย่างไรเทียบกับเมืองสงขลา เงินผลประโยชน์แต่อำเภอเดียวนี้น้อยกว่าเมืองสงขลาอยู่ 20,000 บาทเท่านั้น บรรดาเมืองท่าในแหลมมาลายูฝั่งตะวันออกเห็นจะไม่มีแห่งใดดีเท่าปากพนัง"
แม่น้ำปากพนังเป็นแม่น้ำสายหลักที่ใช้ดำรงชีวิตของชาวอำเภอปากพนังซึ่งเชื่อมต่อกับทะเลอ่าวไทย
ทำให้มีการขนส่งสินค้าเกิดขึ้นมากมาย ปัจจุบันนี้ผู้คนได้สร้างที่อยู่อาศัยตามฝั่งแม่น้ำกันมาก
ปัญหาที่ตามมาก็ทำให้แม่น้ำเน่าเสียสัตว์ในแม่น้ำก็ไม่มีที่อาศัย แต่ในตอนนี้ก็เริ่มการบำบัดน้ำที่เน่าเสีย
ในการล่องเรือปากพนังนี้ทำให้เราได้เห็นกับธรรมชาติของป่าชายเลนและผู้คนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งแม่น้ำของทั้งสองข้างแม่น้ำปากพนัง สายน้ำชีวิตของชาวบ้านแห่งที่ราบลุ่มฝั่งตะวันออกของจังหวัดนครศรีธรรมราช ...มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขานครศรีธรรมราช(เขาหลวง) ไหลมาบรรจบกับแควน้ำสาขาที่ไหลมาจากทะเลสาบสงขลา ที่ตำบลปากแพรก ทั้งยังมีลำน้ำสาขาอีกหลายสายที่ไหลมารวมกัน กลายเป็น แม่น้ำปากพนังสายใหญ่ ไหลขึ้นไปทางด้านทิศเหนือ ลงสู่อ่าวนครฯ ในเขตอ.ปากพนัง รวมความยาวของแม่น้ำ 147 กิโลเมตร ไหลผ่านอาณาบริเวณเกือบ 2 ล้านไร่ ใน 11 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอของ 3 จังหวัดคือ จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง และจ.สงขลา รวมเรียกว่า “ลุ่มน้ำปากพนัง”
เมืองปากพนังอยู่ใกล้แหลมตะลุมพุกที่ในอดีต เมื่อ พ.ศ. 2505 เกิดวาตภัยรุนแรงขึ้นครั้งหนึ่ง มีผู้คนเสียชีวิต เป็นจำนวนมาก ชายหาดปากพนังเป็นชายหาดยาวไปตามชายฝั่งทะเล มีแหลมตะลุมพุกเป็นแหลมทรายรูปจันทร์ เสี้ยวยื่นไปในอ่าวไทย ซึ่งอยู่บริเวณตอนบนของอำเภอปากพนัง ด้านที่ติดกับทะเลด้านใน (อ่าวนครฯ) มีประชากรตั้งถิ่นฐานอยู่ ส่วนด้านนอกที่ติดกับอ่าวไทยเป็นหาดทรายและมีต้นสนขึ้นเป็นแนวยาว การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 4013 (นครศรีธรรมราช-ปากพนัง) มีทางแยกเข้าสู่แหลมตะลุมพุก ประมาณ 16 กม. ตลอดเส้นทางมีการทำนากุ้งสองข้างทางสลับกับแนวป่าชายเลน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอเพิ่มเติมข้อมูลที่ได้จากเจ้าถิ่น ขอบคุณค่ะคุณติ๊ก
สวัสดีค่ะ คุณอ้อยหวาน ติ๊กเป็นคนปากพนังโดยกำเนิดค่ะ เมื่อช่วงเดือนสิบที่ผ่านมา ติ๊กก็กลับบ้าน ยด้เห็นภาพการฝึกหัดซ้อมเรือพายเช่นกันค่ะ แต่ไม่ได้ไปดูเขาแข่งจริงช่วงออกพรรษาเลย งานออกพรรษาจัดยิ่งใหญ่ทุกปี ตอนเด็กพ่อจะขับเรือหางยาวพาพวกเราไปเที่ยวชักพระ จำใด้สนุกมากๆค่ะ
ขอบคุณ คุณอ้อยหวานมาก ที่นำเรื่องราวของอำเภอปากพนัง มาลงให้เพื่อนสมาชิกได้อ่าน ได้เที่ยวกัน เจ้าบ้านยังใม่มีโอกาสนำมาลงเลย อิอิ
ส่วนเรื่องส้มโอ แถวบ้านติ๊ก เป็นแหล่งปลูกค่ะ ส้มโอที่ขึ้นชื่อที่สุด และแพงที่สุด คือส้มโอทับทิมสยามค่ะ ราคา 150 - 450 บาทต่อหนึ่งผลค่ะ แต่ก็มีสายพันธุ์อื่นๆที่อร่อยและราคาไม่แพงค่ะ แหล่งปลูกส้มโอ ของอำเภอปากพนังคือ บ้านแสงวิมานค่ะ. ถ้ายังอยู่ลองไปเที่ยวชมและชิมน่ะค่ะ
ตลาด 100 ปี หรือตลาดตรอกเรือจ้าง ที่ชาวบ้านเรียกกัน มีขนมจีนเจ้าอร่อย ตั้งโต๊ะเล็กๆขายๆมานานมาก ที่สำคัญมีหัวอ่อนของลูกจากดอง และมีร้านยาสมุนไพรเก่าแก่ คือร้านยาโก้คุ้น เมื่อก่อนเป็นร้านบ้านไม้แต่ผ่านเวลามายาวนาน กลายเป็นคอนกรีตแล้ว
อาหารทะเลแห้ง ที่ขึ้นชื่อ ที่ขายตลอดในตลาดคือ ปลาบอกร้า ปลาดุกร้าค่ะ
เรือยนต์ ข้ามฝากเมื่อก่อนใช้เรือขนาดใหญ่เพื่อบรรทุกรถยนต์ข้ามฝากด้วย ปัจจุบันตั้งแต่โครงการพระราชดำริพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังเกิดขึ้น เลยมีสะพานข้ามแม่น้ำปากพนัง เลยเลิกใช้แพขนานยนต์ ใช้เรือแทนแต่ให้มอเตอร์ไซด์ขึ้นลงได้ การสร้างสะพานและประตูน้ำเพื่อกั้นน้ำทะเล และน้ำจืด ออกจากกัน เพื่อช่วยเกษตรกรในการทำนาข้าวและการเกษตรอื่นๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
- บล็อกของ อ้อยหวาน
- อ่าน 14026 ครั้ง
ความเห็น
พุทธรักษา
8 พฤศจิกายน, 2012 - 05:07
Permalink
Re: ปั่นจักรยานท่องเที่ยวไทยไปได้ค่ะ ตอนที่ 4
:admire: ตามมาเป็นคนแรกเลยค่ะ แม่น้ำปากพนังสวยได้ใจจริงๆ :admire:
อ้อยหวาน
8 พฤศจิกายน, 2012 - 05:10
Permalink
Re: ปั่นจักรยานท่องเที่ยวไทยไปได้ค่ะ ตอนที่ 4
ขอบใจจ้าภา ดีใจที่ไปเที่ยวด้วยนะ ไวจริงๆๆๆจ้ะงานนี้
ป้าเล็ก..อุบล
8 พฤศจิกายน, 2012 - 05:27
Permalink
Re: ปั่นจักรยานท่องเที่ยวไทยไปได้ค่ะ ตอนที่ 4
มีความสุขไปด้วย พอเห็นแบบนี้ แล้วอยากท่องเที่ยวแบบนี้จัง ปากพนังไปมา2รอบแล้ว นั่งกินชายหาด อาหารก็ไม่แพงมาก อาหารแพงสุด อยู่ชายหาด หัวหินเด้อออพี่น้อง กินเสร็จ พอจ่าย ปานว่าถูกปล้น ปากพนัง ส้มโอ อร่อยมากกกกกกกก กินแล้วติดใจ น้องสาวป้าเล็กเคยทำงานใกล้ที่นั่น
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com
อ้อยหวาน
8 พฤศจิกายน, 2012 - 05:53
Permalink
Re: ปั่นจักรยานท่องเที่ยวไทยไปได้ค่ะ ตอนที่ 4
พลาดส้มโอค่ะ เพราะไม่รู้ก่อน สงสัยต้องไปอีกรอบ อีกอย่างที่เพิ่งรู้คือตลาดเก่า 100 ปี
mutita.co.uk
8 พฤศจิกายน, 2012 - 05:56
Permalink
Re: ปั่นจักรยานท่องเที่ยวไทยไปได้ค่ะ ตอนที่ 4
ขอบคุณที่พาชมค่ะคุณอ้อยหวาน บ้านเก่าๆริมแม่น้ำสวยจังชอบๆ ส่วนบ้านนกตอนแรกเข้าใจว่าคุณอ้อยหวานล้อเล่น อ่านไป อ่านมาทำท่าว่าเป็นของจริง แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมและเพื่ออะไรอ่ะค่ะ รอชมตอนต่อไปอยู่นะค๊ะ
อ้อยหวาน
8 พฤศจิกายน, 2012 - 06:01
Permalink
Re: ปั่นจักรยานท่องเที่ยวไทยไปได้ค่ะ ตอนที่ 4
รังนกนางแอ่นราคาแพงมากๆค่ะคุณนัท ใช้ทำยา หรือกินเพื่อสุขภาพ
ป้าลัด
8 พฤศจิกายน, 2012 - 06:10
Permalink
Re: ปั่นจักรยานท่องเที่ยวไทยไปได้ค่ะ ตอนที่ 4
ชอบมากค่ะ ที่คุณอ้อยหวานพาเที่ยว :love:
อ้อยหวาน
8 พฤศจิกายน, 2012 - 06:32
Permalink
Re: ปั่นจักรยานท่องเที่ยวไทยไปได้ค่ะ ตอนที่ 4
ขอบคุณค่ะน้องลัด วันหลังไปเที่ยวด้วยกันอีกนะคะ
priraya
8 พฤศจิกายน, 2012 - 06:46
Permalink
Re: ปั่นจักรยานท่องเที่ยวไทยไปได้ค่ะ ตอนที่ 4
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ แต่ก็ห่วงนิดๆถ้าเส้นทางไกลขึ้น เมืองไทยไม่ค่อยจะเหมือนเดิมแล้ว ตั้งอยู่บนความระวังไว้ก็ดีเหมือนกันนะคะ
อ้อยหวาน
9 พฤศจิกายน, 2012 - 04:24
Permalink
Re: ปั่นจักรยานท่องเที่ยวไทยไปได้ค่ะ ตอนที่ 4
ขอบคุณค่ะคุณเหมียวที่เป็นห่วง
หน้า