น้ำหมัก
น้ำหมักชีวภาพ
หลังจากเขียนเรื่อง สร้างสวนป่า ตอนแรก เมื่อ 27 กรกฏาคม 2554 มาได้ 41 ตอน เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2556 เรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างสวนป่าก็ได้ซาลงไป เนื่องจากงานต่างๆ ในสวนป่า จะซ้ำรอยเดิม ต่างกันตรงที่ชนิดของต้นไม้ที่นำมาปลูก เพื่อไม่ให้เงียบหายเข้ากลีบเมฆ จึงขอยุติเรื่องสวนป่าไว้ชั่วคราว
และขอกลับมาเขียนเรื่อง น้ำหมัก ให้เป็นเรื่องเป็นราวกันต่อไป ครับ
น้ำหมักชีวภาพ คืออะไร
น้ำหมักชีวภาพ คือ ของเหลวที่ได้จากการนำสิ่งที่เคยมีชีวิตไปหมัก โดยอาศัยจุลินทรีย์ที่มีอยู่ทั่วไปในบรรยากาศ
คือใน ดิน น้ำ อากาศ
โดยปกติ สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เมื่อตายไป ก็จะเน่าเปื่อย บางครั้งอาจจะมีกลิ่นเหม็น กลิ่นหอม ซึ่งการเน่าเปื่อย หรือการเกิดกลิ่นนั้น ก็เนื่องมาจากกิจกรรมของจุลินทรีย์ ทำการย่อยสลายให้เน่าเปื่อยผุพัง จนกลายเป็นสสารที่มีโมเลกุลเล็กลง จนพืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการเจริญเติบโตได้อีก ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นในธรรมชาติมาโดยตลอด ก่อนที่จะเกิดวิชาทางด้านปุ๋ยและหรือการเกษตรสมัยใหม่
เนื่องจากการพัฒนาการเกษตรในปัจจุบัน เน้นไปในทางการใช้สารเคมีมาช่วยในการผลิตทางการเกษตรกันมากขึ้น เช่น การใช้ปุ๋ยเคมี การใช้สารเคมีในการป้องกัน กำจัดศัตรูพืช แม้กระทั่งนำมาใช้ในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช หรือนำมายับยั้งการเจริญเติบโตของพืช การนำสารเคมีชนิดต่างๆมาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรทั้งหลายนั้น ถึงแม้ว่าจะช่วยให้ได้ผลผลิตมากขึ้น มีคุณสมบัติดีขึ้น ให้ผลผลิตตรงตามที่ผู้ผลิตและผู้บริโภคต้องการก็ตาม แต่ก็มีข้อเสียตามติดมาอย่างกระชั้นชิด หลายอย่างทำให้เป็นผลเสียต่อผู้บริโภค ในด้านสุขอนามัย เป็นต้น
การหลีกเลี่ยงปัจจัยการผลิต ที่มีผลต่อสุขภาพของผู้บริโภค ย่อมจะเกิดผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคทั่วไป
ที่ไม่สามารถที่จะทำการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือนได้
การใช้แนวความคิดทางด้านเกษตรกรรมธรรมชาติ มาประกอบในการผลิตย่อมทำให้เกิดผลดีตั้งแต่ผู้ผลิต
หรือตัวเกษตรกรเอง ไปจนถึงผู้บริโภค
เนื่องจาก ผมได้ทำและใช้น้ำหมักชีวภาพ ในสวนมาเป็นเวลานาน (ย้อนไปได้หลังสุดตรง บันทึกนี้ครับ http://www.bansuanporpeang.com/node/2269 เรื่องเคยหมัก หมักเคย เรื่องเก่ากว่านี้ก็น่าจะมีครับ
แต่ไม่ทราบว่าหายไปไหนแล้ว) จึงจะเขียนเรื่องของการทำน้ำหมัก ให้เป็นเรื่องเป็นราวสักครั้ง
โดยจะเริ่มที่น้ำหมักชีวภาพ ที่ใช้เป็นปุ๋ยก่อน หลังจากนั้น อาจจะเขียนเกี่ยวกับน้ำหมักชีวภาพ
ที่นำมาดื่มเพื่อสุขภาพ ครับ
หลังจากเทศกาลกินเจแล้ว จะมาเขียนเป็นตอนๆเหมือนเรื่องการสร้างสวนป่าครับ
วันนี้ ขอออกแขกไว้แค่นี้ก่อนครับ
- บล็อกของ ลุงพูน
- อ่าน 8628 ครั้ง
ความเห็น
Pravitra_S
6 ตุลาคม, 2013 - 22:09
Permalink
Re: น้ำหมัก
รอติดตามค่ะ อยากได้สูตรเหมือนกัน ที่เคยทำก็มั่วตลอด
ลุงพูน
7 ตุลาคม, 2013 - 21:08
Permalink
Re: น้ำหมัก
แรกๆผมก็ทำแบบมั่วๆ เหมือนกันครับ
ลุงเริน
7 ตุลาคม, 2013 - 07:01
Permalink
Re: น้ำหมัก
สวัสดีครับลุงพูน
ลุงเรินรอติดตามตอนต่อไปของลุงพูนครับ
ลุงพูน
7 ตุลาคม, 2013 - 21:10
Permalink
Re: น้ำหมัก
ขอบคุณครับ
ลุงพูน
7 ตุลาคม, 2013 - 21:18
Permalink
Re: น้ำหมัก
ขอบคุณครับ วันนี้อยู่หาดใหญ่ ยืมเครื่องของลูกมาใช้ เขียนไม่ค่อยถนัด เลยเกิดปรากฏการ ตอบสองครั้ง
แดง อุบล
7 ตุลาคม, 2013 - 16:03
Permalink
Re: น้ำหมัก
รอติดตามตอนต่อไปค่ะลุงพูน
"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"
ลุงพูน
7 ตุลาคม, 2013 - 21:12
Permalink
Re: น้ำหมัก
ปลายเดือนจะเริ่มออกมาครับ
panin
7 ตุลาคม, 2013 - 20:44
Permalink
Re: น้ำหมัก
สวัสดีค่ะ ลุงพูน
เรื่องการใช้กะปิเป็นตัวเร่งราก ลุงพูนให้ระวังความเค็ม แสดงว่านำมาใช้ไม่ได้ ใช่ไหมคะ
ถ้าต้องใช้จริงๆ ต้องทำอย่างไรก่อนไหมคะ ขอความรู้ด้วยคนค่ะ ขอบคุณค่ะ
ชีวีมีสุขด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
ลุงพูน
7 ตุลาคม, 2013 - 21:16
Permalink
Re: น้ำหมัก
กะปิจากแหล่งผลิตที่ต่างกัน จะมีความเค็มไม่เท่ากันครับ ต้นไม้แต่ละชนิดก็ทนความเค็มได้ไม่เท่ากัน จึงต้องลองก่อนครับ เอากะปิมาละลายน้ำแล้วเอาน้ำกะปิไปทาที่แผลกิ่งตอนครับ
สนิทเมืองอุดร
8 ตุลาคม, 2013 - 04:19
Permalink
Re: น้ำหมัก
เคยหมักเหมือนกันครับลุง แต่เป็นเศษผลไม้ที่เหลือกินครับ จะรอเก็บความรู้ในตอนต่อไปครับ
ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงหรือต่ำอยู่ที่ทำตัว
บุคคลจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
หน้า