เขียนโดย 9wut เมื่อ 16 กันยายน, 2010 - 15:16
วันนี้ภูมิใจเสนอ ผลงานวิจัยของคนไทยอีกหนึ่งคน เกี่ยวกับฟักข้าว
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ ขึ้น
|
|
|
|
|
ความชรามาแน่ๆ แต่เราสามารถชะลอให้มาช้าๆ ได้ด้วยผักผลไม้ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ไม่ต้องไปบินไปหาผลเบอร์รีถึงเมืองนอกเมืองนา เพราะผักพื้นบ้านของไทยเรามีอยู่มากมายที่ช่วยต้านโรคและต้านความชราได้ และที่กำลังเป็นน้องใหม่มาแรงของวงการตอนนี้คือ "ฟักข้าว" หรือ "แก๊กฟรุต" นั่นเอง ในปัจจุบันเริ่มมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจาก ฟักข้าวจำหน่ายในท้องตลาด หรือรู้จักกันในนาม "แก๊กฟรุต" (GAC fruit) ซึ่ง น.ส.จันทร์แรม แสนคำ นักศึกษาปริญญาโท ภาควิชาชีวเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า ฟักข้าวเป็นผักพื้นบ้านของไทยอยู่ในตระกูลเดียวกับมะระ เป็นไม้เลื้อยที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งชาวบ้านทางภาคเหนือและอีสานนิยมนำส่วนยอดและผลอ่อนของฟักข้าวมาปรุง อาหารรับประทานกันในรูปแบบต่างๆ แต่ไม่นิยมรับประทานผลสุก จึงมักมีผลแก่เหลือเป็นจำนวนมาก "มีรายงานการวิจัยในต่างประเทศหลายฉบับระบุว่าผลฟักข้าวมีสารไลโคพีน (Lycopene) สูงกว่าในมะเขือเทศ 70-100 เท่า ซึ่งสารนี้ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก และมีแคโรทีน (carotene) มากกว่าแครอท 10 เท่า และมีรายงานด้วยว่าชาวเวียดนามนิยมบริโภคฟักข้าวมากที่สุด โดยนำส่วนของเยื่อหุ้มเมล็ดในผลแก่มาผสมกับข้าวสารแล้วนำไปหุงรับประทาน สามารถช่วยบำรุงสายตา แก้ปัญหาการมองไม่เห็นในช่วงกลางคืนได้ แต่ในฟักข้าวนั้นยังมีสารอื่นๆ อีหลายชนิดที่มีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เช่นกัน" น.ส.จันทร์แรม กล่าว ทั้งนี้ น.ส.จันทร์แรม ได้ร่วมกับฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่ง ประเทศไทย (วว.) ทำการศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดจากฟักข้าวในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุทำ ให้เซลล์เสื่อมสภาพและเกิดโรคต่างๆ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนภายใต้โครงการสร้างภาคีในการผลิตบัณฑิตระดับปริญญา โท-เอก ของ วว. โดยนำผลสุกของฟักข้าวมาแยกเป็นส่วนเนื้อ เปลือก และเยื่อหุ้มเมล็ด แล้วแยกสกัดด้วยน้ำและเอทานอลที่ความเข้มข้นต่างๆ จากนั้นตรวจสอบสารทางเคมีด้วยวิธีทินเลเยอร์โครมาโทกราฟี (TLC) พบว่ามีเบต้าแคโรทีน แอลฟาโทโคฟีรอล (รูปแบบหนึ่งของวิตามินอีในธรรมชาติ) และโทโคฟีรอลในรูปแบบอื่นๆ อีกจำนวนมาก อยู่ในส่วนที่สกัดด้วยเอทานอล 95% ทั้งสามส่วน และเมื่อนำไปทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วยเทคนิคโฟโตเคมิลูมิเนสเซนส์ (PCL) พบว่าสารสกัดจากเปลือกที่สกัดด้วยเอทานอล 95% มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุดสำหรับกลุ่มสารที่ละลายไขมัน และสารสกัดจากเยื่อหุ้มเมล็ดที่สกัดด้วยน้ำมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด สำหรับกลุ่มสารที่ละลายในน้ำ จากผลการวิจัยข้างต้นนั้นสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อ สุขภาพจากฟักข้าวได้ โดยหลังจากนี้ทีมนักวิจัยจะดำเนินการทดสอบความเป็นพิษ ศึกษาฤทธิ์ต้านการทำลายดีเอ็นเอ ศึกษาฤทธิ์การก่อการกลายพันธุ์ของสารสกัดจากผลฟักข้าว เพื่อให้ได้ข้อมูลทางวิชาการที่ครบถ้วนและครอบคลุมทั้งสองด้าน อย่างไรก็ดี ดร.ประไพภัทร คลังทรัพย์ นักวิชาการฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ วว. ซึ่งร่วมในการวิจัยครั้งนี้ด้วย เปิดเผยแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ว่า มีการบริโภคฟักข้าวเป็นผักพื้นบ้านกันมา นานแล้ว จึงไม่น่าห่วงว่าจะมีอันตรายใดๆ หากนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ แต่ต้องศึกษาเพิ่มเติมถึงวิธีการสกัดหรือแปรรูปฟักข้าวที่เหมาะสมและคุ้มค่า ต่อการผลิตในระดับอุตสาหกรรม รวมถึงการเก็บรักษาสารสำคัญให้คงตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์ได้นานพอควร ซึ่งคาดว่าภายในปีหน้าน่าจะมีผลิตภัณฑ์จากฟักข้าวในกลุ่มของอาหารออกมาเป็น ต้นแบบ และหากมีการต่อยอดเชิงพาณิชย์ก็จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลสุกของฟักข้าวที่ไม่ มีใครนำไปรับประทานได้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การศึกษาวิจัยฤทธิ์ของสารสกัดจากฟักข้าวในการต้านอนุมูลอิสระนี้เป็นส่วน หนึ่งของโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพชะลอความชราจากสารต้านอนุมูล อิสระในผักพื้นบ้าน ผักไฮโดรโปนิกส์ และพืชตระกูลถั่ว ของ วว. ที่มีกำหนดระยะเวลาโครงการไว้ในระหว่างปี 2552-2555
|
|
|
ที่มา ::
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000127423
ความเห็น
lekonshore
16 กันยายน, 2010 - 15:32
Permalink
เดี่ยวปลูกแล้วจะกินทุกวัน
เดี่ยวปลูกแล้วจะกินทุกวัน จะได้สาวตลอด อิอิ
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
chai
16 กันยายน, 2010 - 15:51
Permalink
ขอบคุณครับ
ดีๆอย่างงี้อย่าลืมปลูกกันเยอะนะครับ
ทำความดีนะครับ จะได้มีความสบายใจ msn/krawmovie@hotmail.com
หนูนิว
16 กันยายน, 2010 - 15:56
Permalink
ไ้ด้เมล็ดมาแล้วค่ะ
จะพยามปลูกให้ได้ค่ะ
จะได้กินของดีมีประโยชน์
ฝีมือเราเอง
แดง อุบล
16 กันยายน, 2010 - 16:48
Permalink
คุณวัตร
ขอบคุณค่ะ แต่ฟักข้าวแดงปลูกไม่ขึ้นค่ะ อย่างนี้ต้องลองอีกค่ะ
"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"
ตองอู
16 กันยายน, 2010 - 18:11
Permalink
ฟักข้าว..^_^..
คุณประโยชน์เร้าใจแบบนี้...ต้องหากินมั่งล่ะ..^_^..
MSN/MAIL/HI5 : Tongau_oomsin[at]hotmail[dot]com
แก้ว กุ๊ก กิ๊ก
16 กันยายน, 2010 - 18:36
Permalink
ขอบคุณจ๊า วุฒิ
ฟักข้าวของพี่ เพิ่งงอกไม่กี่ใบเอง ไม่รู้นานแค่ไหนจะออกลูก คงต้องรอก่อน อีกหน่อยคงได้กิน
อิอิ หวังไว้ว่างั้นนะ
ตั้ม
16 กันยายน, 2010 - 19:04
Permalink
นี่ไง..พี่ถึงต้อง...
เพราะเหตุนี้แหละ..พี่ถึงต้องเพาะฟักข้าวไง..ลูกสวยด้วย..แต่งสวนก็งาม..แต่ไม่รู้จะงอกปะ..
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
tantawan-ตะวัน
16 กันยายน, 2010 - 19:10
Permalink
รีบดื่ม
เดี๋ยวต้องรีบหามาดื่ม (:
มาย
16 กันยายน, 2010 - 19:11
Permalink
ขอบคุณมาก
สำหรับข้อมูล ที่เป็นประโยชน์
there is a will , there is a way .
ป้าเล็ก..อุบล
16 กันยายน, 2010 - 19:46
Permalink
ชะลอความชรา
อันนี้ชอบมาก555
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com
หน้า