กินดี มีสุข ตอน ทะเลสาบคือ ชีวิต ๑.
สามสี่วันที่ผ่านมา เดินทางไปเรียนรู้วิถีการทำอยู่ทำกินของพี่น้องที่ตั้งบ้านริมทะเลสาบ เขตพื้นที่พัทลุง ทะเลสาบสงขลาเปรียบเสมือนแม่นมที่หล่อเลี้ยงสรรพชีวิต ชาวนครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา แน่นอนความอุดมสมบูรณ์ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ด้วยมีผู้คนที่เอาแต่เสพผลประโยชน์ มากว่าช่วยสร้างและดูแลรักษา รีสอร์ทที่ขายธรรมชาติรอบทะเลสาบ ขยายตัวมากขึ้น ส่วนชาวประมงขนาดเล็กที่หาปลาตามธรรมชาติอาศัยภูมิปัญญาพื้นบ้าน(คนดั้งเดิมไม่มีนาไม่มีสวน) หากินแต่พอดี เพราะทะเลสาบคือชีวิต ลองมาดูว่าเขาดำรงอยู่อย่างไร
น้าเอียดมีชีวิตอยู่กับอาชีพทำปลาแดดเดียวขาย บ้านอยู่ริมทะเล โดยพ่อบ้านลงเรือขนาดเล็กออกหาปลาทุกเช้าที่อากาศปกติในทะเลน้อย ได้ปลาช่อน วันไหนได้ปลาช่อนก็จะได้พุงปลาหรือไตปลาช่อน ที่ถือว่าทำแกงไตปลาได้อร่อยสุด มัน หอม
พุงปลาช่อนสดต้องล้างให้สะอาด และเอาส่วนน้ำดีออกไม่ให้ขม จากนั้นโรยเกลือให้ทั่ว แล้วผึ่งแดดอาศัยพลังงานจากแสงอาทิตย์เท่านั้น
ผ่านไปสามสี่แดดก็ได้พุงปลาธรรมชาติแท้ๆ การตากพุงปลาใช้ภาชนะแบนๆให้พุงปลาโดนแสงทั่กัน เรียกว่าสุกแดด ใส่ขวดไว้ทำแกงไตปลา ยิ่งหมักนานยิ่งมัน หอม ที่ขายในกรุงเทพอาจจะผสมอย่างอื่นแล้วเพื่อกำไร ต้องดูดีๆนะคะ หากจะหาไตปลาไปทำแกง
ปลาช่อนแดดเดียวของน้าเอียด สะอาด ทำขายให้ขาประจำหมดวันต่อวัน ที่ทำมากๆวางขายหลายวันระวังฟอร์มาลีน ผิดจากนี้น้าเอียดบอกว่าไม่อร่อย
ปลากระดี่ เอามาทอดกรอบต้องกินคู่แกงส้มหรือแกงเหลืองลดความเผ็ด
ปลาขาวมาผ่าหลังใส่เกลือ ใช้ศิลปะในการวางตากแดด กลายเป็นปลาดอกจันทร์ พอแห้งเอาไปทอดก็จะติดกันเป็นดอกๆ สวยงาม
แถมให้หลายๆดอกนะจ๊ะ
ทะเลสาบสงขลา ห้วงน้ำ ๓ รส เค็ม กร่อย จืด ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื้อที่ ๖๑๖๗๕๐ ไร่ ปากทะเลติดต่อกับอ่าวไทยในเขตเมืองสงขลา ระดับน้ำลึก ๑-๒ เมตร มีความหลากหลายของพืชและสัตว์น้ำมากมาย(ในอดีต) ปัจจุบันถูกบุกรุกจากกลุ่มทุนนิยมโดยเฉพาะในเรื่องสวนปาล์มในป่าพรุ ทำให้มีสารพิษจากปุ๋ยและยาลงสู่ทะเลสาบสงขลา และสาเหตอื่นๆเชิงธุรกิจอีกมากมาย ก็ต่อสู้กันไปเชิงนโยบาย โดยส่วนตัวขอเป็นกระบอกเสียงให้คนเล็กคนน้อยปกป้องชีวิตและวิถีกินดีมีสุขอย่างพอเพียงเท่าที่จะทำได้อย่างสุดความสามารถ เจอกันบล็อคหน้าอีกหลายเรื่องราวของชาวเล เมืองพัทลุง
แด่ ทะเลสาบสงขลาแม่นมของผองชีวิต
- บล็อกของ ประไพ ทองเชิญ
- อ่าน 12347 ครั้ง
ความเห็น
สายพิน
16 พฤษภาคม, 2011 - 22:02
Permalink
ดีเลยค่ะ คุณประไพ
ดีเลยค่ะ คุณประไพ ได้ทราบเป็นข้อมูลเพิ่มเติม เห็นด้วยนะคะ ว่าทะเลสาบนี้คือชีวิตจริงๆ
ประไพ ทองเชิญ
17 พฤษภาคม, 2011 - 05:46
Permalink
น้องสายพิณ พบสิ่งดีๆแล้วต้องช่วยขยายออกไป
ช่วยขยายข้อมูลช่วยทะเลสาบสงขลาด้วยนะคะ
oddzy
16 พฤษภาคม, 2011 - 22:09
Permalink
พี่หยอย
ปลาน่าทานมากเลยค่ะ ทำออกมาได้สวยน่ากินด้วย ทำเป็นดอกๆ สวยแล้วก็น่าทานอีกด้วย
เพิ่งรู้ค่ะว่าพุงปลาเอาไปหมัก ไว้ทำแกงไตปลา นึกว่าทำมาจากเนื้อปลาเน่าๆซะอีก
ประไพ ทองเชิญ
17 พฤษภาคม, 2011 - 05:44
Permalink
น้อง'oddzy
ปลาเน่านั้นปลาร้านะจ๊ะ
guys ka
16 พฤษภาคม, 2011 - 22:09
Permalink
หิวปลาทอด
ปลาแดดเดียวร้อนๆ... กินกับข้าวสวยร้อนๆ...มีน้ำพริกปลาทูสักถ้วย ผักลวกสักถกาละมัง...แฮ่ๆๆ น้ำยายไหยอีกแย๊ว... ใครหิวก็ล้อมวงเข้ามา กติกามีข้อเดียว ห้ามใช้ช้อน ต้องใช้นิ้วเปิบบบบบบบบ อิอิ...ป่ะลุย....
.................
ประไพ ทองเชิญ
17 พฤษภาคม, 2011 - 05:43
Permalink
ขอบคุณค่ะน้อง
ที่ผ่านมาชม
guys ka
17 พฤษภาคม, 2011 - 10:50
Permalink
พี่ประไพคะ
กายส์เห็นมีไข่ปลาด้วยล่ะ.. ท่าทางน่าอร่อยจังเลยค่ะพี่ประไพ...:admire2:
.................
prikhom
16 พฤษภาคม, 2011 - 22:23
Permalink
คุณประไพ
อ่านบล็อกนี้แล้วดีใจค่ะ เพราะเคยไปปล่อยปลาลงทะเลสาบสงขลาเมื่อปลายปี2551
โดยกรมส่งเสรืมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
อีกอย่างชอบกินแกงไตปลาด้วยค่ะ
ขอให้ช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมให้ดี จะได้มีวืถีชีวิตแบบนี้ถึงรุ่นลูกหลานต่อๆไปค่ะ
ประไพ ทองเชิญ
17 พฤษภาคม, 2011 - 05:42
Permalink
น้องพริกหอม
พูดถึงกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ความจริงเป็นหน่วยงานที่พยายามเข้าถึงปัญหาและชาวบ้าน ที่จริงเขาช่วยได้มากกว่าทำการปล่อยปลา แต่ยังไม่กล้าทำ
tikki
16 พฤษภาคม, 2011 - 22:23
Permalink
ปลาแห้ง
เห็นปลาแห้งแล้วอยากเอาไปจี่ แล้วกินกับนำ้ส้มจาก หรอยจังหู พี่หยอย
หน้า