ขอบคุณที่ตัวเองสวมหมวกกันน็อค

หมวดหมู่ของบล็อก: 

    บ่ายวันนี้พาแม่ไปตรวจและรับยาตามหมอนัดที่โรงพยาบาลนาโยง ระหว่างรอแม่ตรวจผมก็มีที่อยู่ประจำก็ห้องทำงานพี่ๆ พยาบาลที่ผมรู้จักซึ่งเป็นสมาชิกเวบด้วยแต่ไม่แสดงตัว แบบว่าอ่านอย่างเดียว ก็คุยกันถึงเรื่องฟักข้าวแคปซูล พี่พยาบาลก็สนใจ ผมบอกว่าเดี๋ยวค่อยเอามาให้ทดลองกินดู  แม่ตรวจเสร็จกลับมาบ้านผมก็นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ต่อ คิดในใจไปดี ไม่ไปดี ไปดีไม่ไปดี สุดท้ายตัดสินใจไป เอาแคปซูลฟักข้าวไปให้พี่พยาบาล โดยเอามอเตอร์ไซด์ของพ่อไป ตอนขี่ออกไปเบรคหน้าไม่ค่อยกิน ช่างมันค่อยปรับก็ได้

     บนถนนตรังพัทลุง หน้าเทศบาลตำบลนาโยงเหนือ ใกล้ถึงทางเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลนาโยง ผมชิดเลนขวาสุดเตรียมตัวเลี้ยว จู่ๆก็มีรถกระบะมาตัดหน้าผม ผมเบรคไม่อยู่ชนโครมเข้าไปตรงประตูใกล้กับล้อหน้า คางผมไปฟาดกับฝากระโปรงรถกระบะ แฮะๆๆ ไม่เป็นไร

ลูกศรสีแดงคู่กรณีจอดอยู่ข้างทางแล้วเลี้ยวตัด ลูกศรสีดำผมเอง

 

     แต่นึกถึงภาพตอนที่คางไปฟาดกับกระโปรงรถได้อย่างชัดเจนว่าหมวกกันน็อค ช่วยไว้ได้ ถ้าผมใส่หมวกกันน็อคแบบธรรมดาป่านนี้คงสลบยังไม่ตื่น

   ชนเสร็จคนขับรถกระบะก็พยายามบอกว่าผมผิดที่ผมขี่มอเตอร์ไซด์เร็ว (ผมก็คิดในใจว่าจะเร็วแค่ไหนกัน มอเตอร์ไซด์พ่อเร็วได้ไม่เท่าไหร่ เพิ่งผ่านด่านตำรวจมาด้วย ใกล้ถึงทางเลี้ยวแล้วด้วย อันนี้คิดเข้าข้างตัวเอง ความจริงอาจจะเร็ว แต่ถ้าวันนี้ผมเอา MTX ออกไปก็ไม่แน่ผมอาจลอยข้ามรถกระบะไปแล้ว) เขาบอกว่าเขาดูดีแล้วว่าไม่มีรถมา ไฟเลี้ยวก็เปิดแล้ว ส่วนผมอยู่เลนขวาสุด ก็ไม่เห็นว่ามีรถเลี้ยวข้ามถนน เห็นเอาตอนที่จะชนแล้ว แต่ผมไม่พูดอะไร เจอเหตุการณ์แบบนี้ต้องใจเย็นๆ ไม่โวยวายครับ จะผิดจะถูกก็พูดกันดีๆ อย่าใส่อารมณ์กัน

   สักพักตำรวจมาครับ แต่รถกระบะมีประกันชั้นหนึ่ง ตำรวจก็ไม่ยุ่งอะไร มาถ่ายรูปให้ แล้วแยกรถออกจากกัน แล้วให้ไปคุยตกลงกันที่โรงพัก คนขับรถกระบะยอมรับกับร้อยเวรว่ากินเบียร์มา 2 ขวด ไม่รู้สองขวดจริงหรือเปล่ากลิ่นคลุ้งเชียว สรุปว่าประกันก็ซ่อมมอเตอร์ไซด์ให้ผม ประกันก็ใจดีทั้งๆที่รู้ว่าคนขับกระบะเมา แต่ก็ยังให้เคลม ไม่งั้นเรื่องคงไม่จบง่ายๆ 

   ก็เป็นอุบัติเหตุครั้งที่ 2 ของการกลับมาอยู่บ้าน 4 ปี  ครั้งแรกก็ หมักหมกพี่สุรพลราคา 5000 บาท ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 (ไม่อยากมีครั้งที่ 3 แล้ว) จะว่าไม่เจ็บตัวก็ไม่เจ็บอะไรมาก แค่เมื่อยคอนิดๆ กับบวมตรงเข่าขวาเล็กน้อย

    ครับอุบัติเหตุเขาก็ว่ามาจากความประมาท ก็คงต้องยอมรับครับว่าประมาท แต่สิ่งที่ผมไม่ประมาทคือขับรถยนต์คาดเข็มขัดนิรภัยเสมอ ขี่มอเตอร์ไซด์สวมหมวกกันน็อค ตรงนี้แหละที่ผมยอมรับว่าผมไม่ประมาท ส่วนสถานะการณ์ขณะชนนี่ก็อีกเรื่องหนึ่ง

   ไม่ต้องห่วงครับ สบมยห.

ปล. ต้องขอบคุณเพื่อนสมัยเรียนมัธยม มาเจอตอนชนพอดีอยู่ช่วยตลอด และพาผมมาส่งที่บ้าน ส่วนมอเตอร์ไซด์ต้องฝากเขาไว้เพราะขี่ไม่ได้แล้ว

ความเห็น

น้องโส  อ่านไปเสียวไป  โชคดีที่ไม่เป็นไรมาก สาธุ

แฟนพี่ชอบขับ มอเตอร์ไซด์เหมือนกัน บางครั้งอยู่ กทม รถติดมาก

ต้องใช้รถเครื่องคล่องตัวหว่า พี่นี่เป็น หวังเหวิดจิตาย

:nonono:

ไปใกล้ๆ ก็ไม่อยากใช้รถยนต์ครับ มอเตอร์ไซด์ประหยัดน้ำมันกว่ากันเยอะครับพี่โจ

แต่พอชนก็อย่างว่าเนื้อหุ้มเหล็ก

ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอทั้งที่เราไม่ประมาทแต่ฅนอื่นประมาท...ต้องระวังครับ

ครับระวัง  แต่บางครั้งบางเหตุการณ์มันก็พูดยาก

:sweating: ด้านข้างหมวกกันน๊อคนี้เพิ่งแตกจากการชนครั้งนี้หรือเปล่า?  เห็นแล้วเสียว..  ขอให้ผู้ใหญ่โสทรหายเจ็บเร็วๆ นะครับ 

“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.”
― Bill Mollison

รอยแตกนานแล้วครับ ครั้งนี้ก็แค่คางไปฟาดกับฝากระโปรงรถ

ขอบคุณครับ

สมาชิกบ้านฯ เป็นห่วงเด้อค่าผู้ใหญ่

 

"แค่พอเพียง...ก็เพียงพอ"

โชคดีแล้วครับที่ปลอดภัย

ถือว่าฟาดเคราะห์ก็แล้วกัน นะครับ

 

ที่เจ็บก็หายเร็ว ๆ นะครับ

ตอนเป็นเด็ก....มีแรง มีเวลา แต่ไม่มีเงิน กลางคน.....มีเงิน มีแรง แต่ไม่มีเวลา ปั้นปลาย.....มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง

ฟาดเคราะห์ ก็คิดแบบนั้นครับ 
ไม่ต้องโชคดีอะไร ขอแค่ไม่มีอุบัติเหตุ หรือเจ็บไข้ ก็พอแล้ว

ขอบคุณครับ

หน้า