น้ำซาวข้าว มีค่า อย่าทิ้ง

หมวดหมู่ของบล็อก: 

เมื่อก่อนเวลาหุงข้าวทีนึง ซาวข้าวเสร็จก็เททิ้ง ไปโดยเปล่าประโยชน์ทุกครั้ง แต่นับตั้งแต่ได้รู้จักบ้านสวนแห่งนี้ก็ทำให้ได้รู้ถึงคุณค่า ของ ของที่เหลือ ว่ายังสามารถใช้ประโยชน์ได้อีกดีกว่าการทิ้งไปเฉย ๆ น้ำซาวข้าวก็เป็นอีกอย่างนึงที่ได้นำกลับมาใช้ประโยชน์ แรกเิริ่มผมก็ใช้ สับปะรด กับ ส้มโอ ที่เหลือกินจนจะเน่าใส่ถัง + น้ำตาลทรายแดง+ หัวเชื้อจุลินทรีย์ ที่ทำไว้เอง + น้ำซาวข้าว (เท่าที่มี) แต่ใส่เพิ่มทุกวัน จนเต็มถัง แต่หลัง ๆ มา ก็จะมีเศษข้าวบูดบ้าง  ข้าวที่หมากินเหลือบ้าง เศษอาหารบ้าง ผลไม้อื่น ๆบ้าง ใส่ลงไปด้วย ...หมักไปได้ประมาณ 2 เดือนกว่า หน้าตาออกเป็นแบบนี้ครับ

ผมตักไปใช้อยู่เรื่อย ๆ 2-3 วันต่อครั้งใช้ไปพร่องไป เวลาหุงข้าวก็เอาน้ำซาวข้าวมาเติม ตลอดก็เลยไม่หมดซะที ฮ่า ๆ ๆ ๆ เอาไปผสมน้ำรดผัก รดหญ้า ที่ปลูกไว้ ก็เห็นจะพอได้ ดูจากมะเขือกินใบ เพราะดินที่ใช้ปลูกก็เป็นดินถุงที่ซื้อมา มีแต่กากมะพร้าวเผาดินน่ะไม่มีหรอกครับ ก็เลยซื้อขี้วัวมาผสมเพิ่ม พร้อมกับขยันรด ด้วยน้ำผสมน้ำหมักนี้ ก็พอดูได้ แต่ก็มีสงสัยอยู่อย่างนึง ในรูปข้างล่างผม คุ้ยขึ้นมาดู สับปะรด กับส้มโอ ผ่านมา 2 เดือนกว่าแล้ว ยังเป็นชิ้น ๆ อยู่เลย ทำไมถึงไม่ยอมย่อยสลายไปสักทีครับ

จบแล้วครับ ขอบคุณบ้านสวนพอเพียง ที่ทำให้ได้รู้จักถึงคุณค่าของสิ่งที่คิดว่าไม่มีค่า ....



ความเห็น

 

  :love:   นี่แหละนักวิทยาศาสตร์ ทดลองเอง ทำเอง ใช้เอง รู้เอง บรรลุเอง ไม่ต้องขอรับใบรับประกันคุณภาพจากใคร คุณทำได้!:cheer3::cheer3:

 

ตั้งสมมุติฐานเอง ค้นคว้าเอง ทดลองเอง  สรุปผลเอง...

ถูกๆๆๆต้องแล้วครับ น้องเอามารดต้นกล้าทันที ไม่เสียเปล่ามีคุณค่าดีด้วยนะพี่ เมื่อก่อนไม่มีอะไรจะให้รดก็ทิ้งเหมือนกัน

ผมว่าสาเหตุที่เนื้อสับปะรดกับส่วนที่เป็นถุงน้ำส้มในส้มโอยังเหลืออยู่น่าจะเป็นเพราะมีความเป็นกรดสูงมากจนทำให้จุลินทรีย์ไม่สามารถเจริญเติบโตและย่อยสลายได้ เปลือกส้มมีต่อมน้ำมันหอมระเหยอยู่น่าจะยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในน้ำหมักได้เหมือนกัน ทดสอบสมมุติฐานด้วยการเอาสองอย่างแรกมาบดแล้วล้างน้ำจนจืด เอาเปลือกส้มมาบดแล้วล้างด้วยคลอโรฟอร์ม แล้วเอากากไปหมักใหม่ ถ้าย่อยสลายได้แสดงว่าจริงครับ 

เห็นด้วยกับคุณสวนป่าค่ะ เพราะน้ำมันในเปลือก ส้มโอ มะนาว มะกรูด พืชตระกูลส้มต่างๆ จะมีน้ำมันหอมระเหยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ทำให้ย่อยสลายช้า เหมาะกับการเอาไปต้มทำน้ำยาล้างจาน หรือเอาไปหมักทำยาแก้ไอผสมน้ำผึ้งมากกว่า (อันนี้เรื่องจริงค่ะ เขามีการวิจัยออกมาแล้ว)

แต่น้ำซาวข้าวมีประโยชน์หลายอย่าง เห็นด้วยค่ะกับเรื่องนี้ เอามาล้างมือดับกลิ่นคาวเนื้อ ปลา ได้ดีมากๆ อมบ้วนปากดับกลิ่นปากก็ได้ค่ะ เอามาล้างมือดับพิษร้อนเวลาเราจับพริกแสบๆคันๆมาก็หายค่ะ ช่วยได้เยอะเลย

ผมให้น้องไพ หมักน้ำซาวข้าวไว้ล้างห้องน้ำ

ส่วนผมหมักไว้ซักผ้า ล้างจาน ล้างมือล้างกลิ่นคาวปลาได้ดีครับ

ตอนเป็นเด็ก....มีแรง มีเวลา แต่ไม่มีเงิน กลางคน.....มีเงิน มีแรง แต่ไม่มีเวลา ปั้นปลาย.....มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง

ที่ยังไม่เน่าสลายเพราะจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์กำลังทำงาน เก็บรักษาสภาพเดิมไว้ แต่อีกไม่นานก็ย่อยค่ะ ถ้ากดดูที่เนื้อผลไม้ ข้างในจะนิ่มแล้วก็จมลงก้นหมด แต่ที่สัปปะรดยังไม่ย่อยเพราะในสัปปะรดมีเอนไซม์ในตัวเอง เนื้อจะแข็งอยู่อีกหลายเดือน และที่ไม่น่าจะทำอีกอย่างคือ เปิดรบกวน ตักออกมาใช้บ่อย ๆ ที่ควรทำ คือ แบ่งออกมาใส่ขวดพร้อมใช้ต่างหาก ไม่ใช่จะใช้เมื่อไหร่ก็เปิดตักเอา เป็นการรบกวนจุลินทรีย์   

 

อีกอย่าง 2 อย่าง คือละลายน้ำตาลแดงเพิ่มให้จุลินทรีย์กินเป็นอาหาร เพื่อจะได้ขยายตัวแตกตัวออกไปเยอะ ๆ  

อีก 1 อย่าง คือ...อ้าวลืม!...หลายอย่างนัก...คิดได้จะบอก..เข้ากล่องข้อความแล้วกันค่ะ

อ้อ! จำได้แล้วค่ะ ข้าวบูด ๆ ถ้าจะเอาใส่ถังก็ล้างที่บูด ๆ ก่อนค่ะ อย่าเทลงถังทั้งที่บูด ๆ ถึงจะทำปุ๋ยก็ควรทำให้สะอาด...แล้วทำไมต้องรอให้บูดก่อนคะ ไม่เอาใส่ก่อนที่จะบูด..ถ้าคิดว่ากินไม่หมดแล้ว ก็ใส่ถังหมักเลยค่ะ... 

ติดตามคุณธนนันท์มาหลายบล็อก ขอบคุณที่ให้คำแนะนำดีๆ

ขอบคุณมากเลยครับ พี่ธนนันท์ ....เป็นอะไรที่ผมนึกไม่ถึงจริง ๆ ครับ เออเนอะ ทำไมไม่แบ่งมาใส่ขวดไว้ใช้ .... แค่คำแนะนำเล็กน้อย แต่ได้อะไรเยอะเลย ขอบคุณอีกครั้งครับ

เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"

พี่แหม่มขอสนับสนุนด้วยคนค่ะ

กินอยู่อย่างพอเพียง ไม่ขี้อิจฉา ชอบสันโดษ รักธรรมชาติ

ป้าแมวเอามารดต้นไม้ตลอดจ้า เมื่อก่อนเอามาแช่ตู้เย็นปล่อยให้ตกตะกอน แล้วเอามาล้างหน้าลูบตัว :embarrassed:

หน้า