เขียนโดย sothorn เมื่อ 19 ตุลาคม, 2008 - 20:11
หลายคนอาจสงสัยหรือไม่ส่งสัยก็แล้วแต่นะครับ ที่ผมเขียนถึงอ.วิวัฒน์ เพราะผมรู้จัก อ.วิวัฒน์ และมีข้อมูลของ อาจารย์อยู่พอสมควร ส่วนท่านอื่นที่มีความสามารถทางเศรษฐกิจพอเพียงคิดว่าคงมีอีกหลายคน แต่ผมยังไม่รู้จักและไม่มีข้อมูล
ตอนที่ผมกลับมาอยู่บ้านใหม่ที่ตั้งใจมาเป็นเกษตรกร นึกถึงตอนนั้นมันมืดแปดด้านเลยครับ ถึงแม้ว่าผมจะเรียนเกษตรมาสมัยเรียนมัธผยม แต่นี่ชีวิตจริง จับต้นชนปลายไม่ถูก
เขียนโดย sothorn เมื่อ 18 ตุลาคม, 2008 - 20:34
เรื่องนี้เรียกว่าเป็นการถอดเทปก็คงไม่ถูกนัก ผมถอดมาจากคลิปวิดีโอ ที่อาจารย์วิวัฒน์พูดถึงเศรษฐกิจพอเพียงที่ได้นำมาใช้ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง
ที่เราทำที่นี่ก็ได้ความคิดจากพระองค์ท่านมาทั้งหมดเรียกว่า 100% เลย เป้าหมายคือเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียงคนเข้าใจว่าไม่ใช้เงิน ที่จริงมันใช้เงิน พระเจ้าอยู่หัวท่านบอกว่า ครึ่งนึงเป็นเศรษฐกิจการค้า คือพึ่งเงิน พึ่งการค้า อีกครึ่งนึงพึ่งเป็นตนเอง แม้ไม่ถึงครึ่งก็ไม่ว่า หนึ่งในสี่พึ่งตนเอง อีกสามในสี่พึ่งการค้า พึ่งเงิน
เขียนโดย sothorn เมื่อ 18 ตุลาคม, 2008 - 19:46
ผมนำเสนอเรื่องของอาจารย์วิวัฒน์เรื่องนี้คงทำให้หลายคนรู้จักอาจารย์วิวัฒน์มากขึ้น ผมดาวน์โหลดเรื่องนี้มาจากเวบไหน ผมจำไม่ได้ ต้องขออภัยเจ้าของเวบด้วยครับ แต่โชคดีที่ในบทความนี้มีชื่อผู้เขียนอยู่ด้วย
คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
วิวัฒน์ ศัลยกำธร
“เขาไม่ได้เพี้ยน?”
โดย ....พรเทพ สิงห์ธวัช : 1/8/46
เขียนโดย sothorn เมื่อ 18 ตุลาคม, 2008 - 13:30
สมัยที่ อ.วิวัฒน์ เป็นผู้อำนวยการกองประเมินผลและข้อมูล ในสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากประราชดำริ เมื่ออาจารย์ยักษ์ไปสอนชาวบ้านเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง แล้วโดนชาวบ้านท้าอย่างไร ที่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อาจารย์ยักษ์ลาออกจากราชการ เป็นคำพูดส่วนหนึ่งของอาจารย์ยักษ์ในรายการทีวี
"ที่เจ็บปวดอีกอันคือชาวบ้านท้า เอ้ย คุณเป็น ผอ. คุณพูดยังไงก็ได้ มีเงินเดือนกิน มีรถหลวง น้ำมันหลวง มีจิปาถะ แน่จริงออกมาซิ ออกมาทำอย่างนี้ซิ แล้วทำ ทำเกษตรธรรมชาติ อย่าใส่ปุ่ยอย่าฉีดยานะ แล้วมาปลูกป่าอะไร มาทำซิ ถ้าได้ผลแล้วค่อยมาคุยกันใหม่"
เขียนโดย sothorn เมื่อ 17 ตุลาคม, 2008 - 20:11
ถ้าพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ไม่พูดถึง อาจารย์วิวัฒน์ ศัลยกำธร หรือที่ใครๆเรียกกันว่า อาจารย์ยักษ์ ก็เท่ากับว่ายังไม่รู้จักเศรษฐกิจพอเพียงดีพอ
อาจารย์ยักษ์ รับราชการติดตามในหลวงอยู่ดีๆ ทำไมถึงลาออกมาเป็นชาวนา ติดตามได้จากคำพูดของอาจารย์ยักษ์
"ผมรับราชการเติบโตจนไปเป็นผู้อำนวยการกองประเมินผลและข้อมูล ในสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากประราชดำริ แรกๆก็ พระองค์ท่านก็ให้ทำหน้าที่จดบันทึกพระราชดำริแล้วก็เอาพระราชดำริที่บันทึกไว้แล้วประมวลเป็นเล่ม ถวายพระองค์ท่านพอท่านตรวจสอบแล้วว่าใช่ เราก็เอาเรื่องนี้มาทำแผน มาเขียนแผนร่วมกับหน่วยงานที่ท่านรับสั่งด้วย
เขียนโดย sothorn เมื่อ 17 ตุลาคม, 2008 - 07:14
คุณเป็นคนหนึ่งหรือไม่ที่เชื่อ ว่า ยิ่งมีเงินทองมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ความเชื่อดังกล่าวดูเผิน ๆ ก็น่าจะถูกต้องโดยไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ประเทศไทยน่าจะมีคนป่วยด้วยโรคจิตน้อยลง มิใช่เพิ่มมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่รายได้ของคนไทยสูงขึ้นทุกปี ในทำนองเดียวกันผู้จัดการก็น่าจะมีความสุขมากกว่าพนักงานระดับล่าง ๆ เนื่องจากมีเงินเดือนมากกว่า แต่ความจริงก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป
ไม่นานมานี้มหาเศรษฐีคนหนึ่งของไทยได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต เขาพูดถึงตัวเองว่า “ชีวิต(ของผม)เริ่มหมดค่าทางธุรกิจ” ลึกลงไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความหมาย เขาเคยพูดว่า “ผมจะมีความหมายอะไร ก็เป็นแค่….มหาเศรษฐีหมื่นล้านคนหนึ่ง” เมื่อเงินหมื่นล้านไม่ทำให้มีความสุข เขาจึงอยู่เฉยไม่ได้ ในที่สุดวิ่งเต้นจนได้เป็นรัฐมนตรี ขณะที่เศรษฐีหมื่นล้านคนอื่น ๆ ยังคงมุ่งหน้าหาเงินต่อไป ด้วยความหวังว่าถ้าเป็นเศรษฐีแสนล้านจะมีความสุขมากกว่านี้ คำถามก็คือ เขาจะมีความสุขเพิ่มขึ้นจริงหรือ ?
เขียนโดย sothorn เมื่อ 16 ตุลาคม, 2008 - 16:39
รายได้หลักของประชากรทางภาคใต้ คือ รายได้จากยางพารา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2551 ราคายางพาราอยู่ที่ 92.85 บาทวันนี้ 16 ตุลาคม 2551 อยู่ที่ราคา 45.40 บาท นั่นก็หมายความว่ารายได้ขาดหายไปครึ่งหนึ่ง คนที่ได้เดือนละหมื่นก็จะเหลือเดือนละห้าพัน
ตอนที่ผมกลับมาอยู่บ้านใหม่ๆ ช่วงต้นปี 50 ผมได้พูดกับพ่อแม่และคนแถวบ้านไว้ว่า อย่าไปหวังอะไรกับราคายางพาราให้มากนัก ภาคอีสาน เวียดนาม จีน เขาปลูกยางกันหมดแล้ว ราคายางลดลงเหลือกิโลกรัมละ 20 บ. แล้วจะทำยังไง คำพูดของผมตอนนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรเพราะยางราคาดีอยู่
เขียนโดย sothorn เมื่อ 13 ตุลาคม, 2008 - 13:29
ปิดฉากชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับเฒ่าชราผู้ทระนงวัย 108 ปี “ปู่เย็น” ด้วยโรคหัวใจล้มเหลวหลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจากการเกิดอาการช็อกหมดสติอยู่ ภายในเรือ ในช่วงสายของวันนี้ (12 ต.ค.) เฒ่าชราคนนี้อาจจะไม่ได้เป็นนักร้อง ไม่ได้เป็นนักแสดง แต่เฒ่าชราคนนี้ก็เป็นดาราในหัวใจของใครต่อใครหลายๆ คน ในหนังสือ ฅ คน ฉบับปฐมฤกษ์ ระบุชื่อจริงของปู่เย็นไว้ว่า “เย็น แก้วมะณี” อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 274/4 ถ.มาตยาวงศ์ ต.ท่าราบ อ.เมืองเพชรบุรี ในอดีตมีอาชีพรับจ้างเลี้ยงวัว
หน้า