กินมะเขือเทศอย่างไรได้ไลโคปีนสูง

เขียนโดย แก้ว กุ๊ก กิ๊ก เมื่อ 11 มีนาคม, 2011 - 10:42
หมวดหมู่ของบล็อก: 
อาหาร
Keywords: 
มะเขือเทศ
ไลโคปีน

คุ้นๆ คำว่า ไลโคปีน กันใช่ไหมคะ ยังจำได้หรือเปล่า ว่าสารสำคัญตัวนี้ เราเคยได้ยิน ที่ในผลอะไรมาก่อน


เป็นพืชผีกที่ฮอตฮิต ในเว็บบ้านสวนของเรา  ใครตอบถูก มีรางวัลค่ะ


Fwd: กินมะเขือเทศอย่างไรได้ไลโคปีนสูง





ไลโคปีน(Lycopene)เป็นสารสำคัญ ที่พบได้ในผลมะเขือเทศ จัดเป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่งใน 600 ชนิด พบ ไลโคปีนได้ใน มะเขือเทศ แตงโม เกรพฟรุตสีชมพู ฝรั่งสีชมพู และมะละกอ เป็นต้นพบไลโคปีนในปริมาณตั้งแต่ 0.9 –9.30 กรัม ใน 100 กรัมของมะเขือเทศสด

ไลโคปีนเป็นสารประกอบที่ได้รับความสนใจเนื่องจากมีรายงานว่ามีประโยชน์ต่อ สุขภาพ โดยเฉพาะการลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ ที่ชัดเจนที่สุด คือ มะเร็งต่อมลูกหมาก รองลงมา คือมะเร็ง ปอด กระเพาะอาหาร นอก จากนี้ก็ยังแสดงให้เห็นประโยชน์ของการได้รับไลโคปีนในการลดความเสี่ยงของ มะเร็งตับอ่อน ลำไส้ใหญ่ (colon) ทวารหนัก คอหอย ช่องปาก เต้านม ปากเป็นต้น

ควรรับประทานมะเขือเทศสดหรือมะเขือเทศที่ผ่านการปรุงอาหารแล้ว

ความ เชื่อที่ว่าของสดดีกว่าของที่ปรุงแล้ว ไม่ได้เป็นจริงเสมอไป ในกรณีของมะเขือเทศเป็นหนึ่งในข้อยกเว้น มะเขือเทศที่ผ่านความร้อนจะทำให้การยึดจับของไลโคปีนกับเนื้อเยื่อของมะเขือ เทศอ่อนตัวลง ทำให้ไลโคปีนถูกร่างกายนำไปใช้ได้ดีกว่า นอก จากนี้ความร้อนและกระบวนการต่างๆในการผลิตผลิตภัณฑ์มะเขือเทศยังทำให้ไล โคปีนเปลี่ยนรูปแบบ(จากไลโคปีนชนิด “ออลทรานส์”(all-trans-isomers)เป็นชนิด “ซิส” (cis -isomers)) คือ เป็นชนิดที่ละลายได้ดีขึ้น


มะเขือเทศสดและผลิตภัณฑ์มะเขือเทศ ชนิดใดให้ไลโคปีนสูงกว่ากัน 

โดย ทั่วไป ปริมาณไลโคปีนในผลไม้และมะเขือเทศสดจะไม่แตกต่างกันมาก แต่เมื่อนำมะเขือเทศสดไปผ่านกระบวนการผลิตให้อยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์มะเขือ เทศชนิดต่างๆ พบว่าปริมาณไลโคปีนสูงขึ้นมาก เนื่อง จากมีการผ่านกระบวนการทำให้เข้มข้นขึ้น ดังนั้น อาหารอิตาเลียน พวกพิซซ่า สปาเก็ตตี้ ที่มีการแต่งรสด้วยซอส หรือผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้น(Tomato paste) ที่ผลิตจากมะเขือเทศ จึงเป็นแหล่งให้ไลโคปีนที่ดี ดังในตาราง
  


ตาราง แสดงปริมาณไลโคปีนในมะเขือเทศและผลิตภัณฑ์มะเขือเทศ


ขอขอบคุณข้อมูลคณะเภสัชศาสตร์ มหิดล

และขอบคุณน้องจ๋า ที่ส่งต่อข้อมูลดีๆมาให้อ่านค่ะ


************

ความเห็น

witlessness

11 มีนาคม, 2011 - 10:49

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

แต่อยากได้รางวัลเลยขอตอบว่าฟักข้าวครับมีไลโคปีนสูงกว่ามะเขือเทศถึง 10-12 เท่า

แก้ว กุ๊ก กิ๊ก

11 มีนาคม, 2011 - 11:11

สนใจรางวัลจริงหรือ หากว่าเป็นเมล็ดพันธ์ฟักข้าว ล่ะก้อ :uhuhuh:

 

witlessness

11 มีนาคม, 2011 - 11:16

ถ้าคุณแก้วให้รางวัลเป็นเมล็ดฟักข้าวหละก็ ให้ผม 1 เมล็ด ผมจะส่งคืนให้คุณแก้ว 100 เมล็ดเลย

แจ้ว

11 มีนาคม, 2011 - 12:15

พี่จำผิดรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่ได้ยินพี่น้อยพูดว่าสูงถึง 70 เท่าของมะเขือเทศนะ....


 

witlessness

11 มีนาคม, 2011 - 13:14

พี่แจ้วจำไม่ผิดหรอกครับ ผมก็จำได้ว่าพี่น้อยบอกว่า 70 เท่า แต่ที่ขอตอบว่า 10-12 เท่า เพราะส่วนมากผมเจอเขาบอกว่าประมาณนี้ครับ

“มีงานวิจัยของต่างประเทศที่ระบุว่าสารไลโคปีน ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และสามารถป้องกันความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ และระบุว่าสารนี้มีมากในมะเขือเทศ แต่จริงๆ แล้วในภูมิภาคบ้านเรายังมีพืชบางชนิดที่มีไลโคปีนสูงกว่ามะเขือเทศนับ 10 เท่า นั้นก็คือ “ฟักข้าว” นั่น เอง เราพบว่าในมะเขือเทศสุก 1 กรัม มีสารไลโคปีนอยู่ประมาณ 31 ไมโครกรัม ในขณะที่เยื่อเมล็ดฟักข้าว 1 กรัม ให้ไลโคปีนสูงถึง 380 ไมโครกรัมเลยทีเดียว” ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว แห่ง รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้ข้อมูล

แก้ว กุ๊ก กิ๊ก

11 มีนาคม, 2011 - 13:22

เด๋วรอพี่น้อยมาก่อน อาจจะจำคนละที


ขอรอฟังคำตอบด้วยคนนะคะ

 

oddzy

11 มีนาคม, 2011 - 10:55

ใช่ฟักข้าวรึเปล่าค่ะคุณแก้ว? ที่มีสาร ไลโคปีนสูง รองลงมาจากมะเขือเทศ


คลิก บันทึก ส่งคอมเมนท์ ตั้งสองครั้งแน่ะ คอมเม้นท์ไม่ขึ้นเลย สงสัยคอมมัวทะเราะกะคุณวิท แน่ๆเลย

แก้ว กุ๊ก กิ๊ก

11 มีนาคม, 2011 - 13:26

ตามที่พี่แจ้ว กะคุณวิทย์บอก ฟักข้าวจะมีมากกว่านะคะ น่าสนใจไหมเอ่ย

 

oddzy

11 มีนาคม, 2011 - 13:37

ไม่น่าเชื่อเลยเนาะ ผลไม้มหัศจรรย์จริงๆ เห็นพวกฝรั่งเขาไปลงซื้อที่ดินที่เวียตนามปลูกฟักข้าวเป็นร้อยๆไร่เลยคุณแก้ว แล้วเขาก็เอาไปสะกัดแคปซูล  ส่งมาขายอเมกาและประเทศอื่นๆ ตอนนี้กำลังที่ที่รู้จักแพร่หลายในหมู่วงคนชอบกินของแปลกค่ะ รวมถึงวงการแพทย์ของอเมากหลายๆสถาบันก็กำลังศึกษาเกี่ยวกับผลประโยชน์ของผลไม้ฟักข้าวนี่อยู่ค่ะ


ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็แค่พูดคุยกันในหมู่สังคมคนออนไลน์ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชอบสรรหาของกินแล้วไม่แก่น่ะค่ะคุณแก้ว แล้วก็มีการบอกกันต่อๆ เป็นวงกว้างของพวกเหล่านักแชททางเน็ตทั้งหลาย ส่วนใหญ่ยังไม่มีใครปลูกอย่างจริงจัง ก็มีเพาะขายบ้าง (ต้นสูงเท่าหัวเข่า ขายต้นล่ะประมาณ 500-800 บาท ยังไม่รวมค่าส่ง  แต่ว่าห้ามนำเข้ารัฐที่อ๊อดอยู่ (อดเลย)

lekonshore

11 มีนาคม, 2011 - 10:55

:uhuhuh: :crying2: :admire2:

 

 

msn:lekonshore@hotmail.com

ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร

หน้า