โหระพาเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน

อาจจะเป็นที่ความคุ้นเคยก็ได้  เคยใช้ เคยกิน

 ปกติพันธุ์ดั้งเดิมมักจะลักษณะเด่นบางอย่าง เช่น รสชาติดี กลิ่นแรง ซึ่งถูกกับรสนิยมของคนไทย แต่ทรงต้น ใบ และการเจริญเติบโตอาจไม่ค่อยดีนัก ผิดกับพันธุ์การค้าที่จะมีลักษณะต้น ใบ สวยงาม โตเร็ว แต่จะด้อยในเรื่องกลิ่นและรสชาติ อาจเรียกได้ว่า "สวยแต่รูปจูบไม่หอม" นะ

ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา ท่านเคยศึกษาทางพันธุกรรมของ โหระพา นานมาแล้วครับ ก่อนที่ท่านจะมาศึกษาเรื่องน้ำมันมะพร้าว

เท่าที่พอจำได้ ท่านพบว่า โหระพา มีความหลากหลายทางพันธุ์กรรมมาก คือ มีหลายพันธุ์ แต่ละพันธุ์ ก็มีความแตกต่างกันในด้าน ของสีของลำต้น หรือ ลักษณะของช่อดอกที่โสทรสังเกตุเห็น ชนืดไหนที่ตลาดมีความต้องการ เกษตรกรก็จะปลูกชนิดนั้นๆไว้มากๆ เพื่อขาย ทำให้พวกที่ขายไม่ได้ ไมค่อยปลูกกัน

เวลากินเป็นผักหนอก กับขนมจีน ผมจะไม่เลือกว่าเป็นแบบไหน คือมีในจานผักแบบไหนก็กินทั้งนั้น กินทั้งใบ ดอก ผล เมล็ด ยกเว้นก้าน ไม่กินเพราะแข็งไปหน่อย

บางตำราบอกว่า เอาใบโหระพามาต้มกิน คือ ต้มน้ำให้เดือดพล่าน แล้วเด็ดใบใส่ลงไป ปิดฝา ปิดไฟ พออุ่นๆเอาน้ำมากิน บำรุงสมอง ครับ

เป็นพืชคู่ครัวตลอดมา ไม่มีผักอะไรก็เด็ดโหระพานี่แหละ แต่ส่วนมากไม่ทันจะออกดอก กินใบหมด บางทีก็มีแมลงกินใบหมดก่อนคนจะได้กิน  

เคยทำน้ำโหระพาปั่นทานอร่อยชื่นใจดี กินแล้วช่วยลดความดัน บำรุงหัวใจ ทำให้เลือดเลี้ยงสมองส่วนหน้าดีขึ้น

ส่วนผสม  สับปะรด  1 ชิ้น  ใบโหระพา 3 ก้าน น้ำเชื่อม น้ำแข็งบด เกลือนิดหน่อย ใส่เครื่องปั่นเลยค่ะ อากาศร้อนๆดื่มแล้วชื่นใจดีค่ะ

ที่เขาขายทั้งใบ ทั้งดอก ทรงสวยจริงๆ ครับ

เดี๋ยวนี้ของที่ขายก็ต้องให้สวยไว้ก่อน อย่างผ้าขี้ริ้ว (กระเพาะวัว) ขอให้สวย ขาวจั๊ว (แต่ไปทำอะไรมาก็ไม่รู้ ถ้าไปทำมาแล้วล้างไม่ดี กินแล้วมีคลื่นไส้อาเจียนด้วย ไม่อยากเดาว่าเขาใช้โซดาไฟ) ไม่อร่อยเลยเพราะความมันไม่มี มีเหลือแต่ความกรุบกรอบ

ที่บ้านเก็บเคยเม็ดโหระพาไว้ปลูก ปรากฎว่ากลายพันธุ์ บางต้นก็เป็นโหระพา บางต้นเป็น แมงลักกึ่งโหระพา คือใบเหมือนโหระพาดอกสีขาวเหมือนแมงลัก กลิ่นแปลกๆ บอกไม่ถูกว่าเป็นโหระพาหรือแมงลัก ที่แน่คือปลูกเม็ดดหระพา ได้แมงลัก ตอนนี้ปักกิ่งปลูกตลอด ไม่เก็บเม็ดแล้ว