ลงมือทำโน่น นี่ นั่น

สวัสดีค่ะพี่น้องชาวบ้านสวนฯทุกท่าน

               สืบเนื่องจาก ขณะนี้ราคามะละกอกับมะนาว มีราคาแพง เลยทำให้ต้องย้อนกลับไปดูราคา เมื่อปี 2554  ทราบว่าราคามะนาวปีนี้แพงกว่าถึง 60 บาทเลยทีเดียว ปี 2554 ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554 ราคากิโลกรัมละ 40 บาท  ส่วน ราคามะนาว ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2555 ราคากิโลกรัมละ 100 บาท  ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ปัญหาในระยะยาวเรื่องของส่วนประกอบในส้มตำ ที่มันมีราคาผันผวนแรงมาก 2 วัน มะนาวพุ่งขึ้น 30 บาทเลยทีเดียว จึงต้องปลูกมะนาวเพิ่มอีกค่ะ

              ส่วนประกอบหลักๆ ก็ลงมือทำเองไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ขนมจีน,ด้องแด้ง,ปลูกมะเขือเทศ ผลการดำเนินงานคือ กำลังออกดอก อีกรุ่นจะตามมาติดๆ รอปรับหน้าดิน  ซึ่งได้นำเสนอไปหลายบล็อคแล้ว,มะละกอ ลงปลูกไป 30 ต้น กำลังงอกงามตามอายุ อีกรุ่นเป็นต้นกล้าที่แบ่งลงถุงรอให้แข็งแรง ก็สามารถนำปลูกได้ รุ่นที่ 3 กำลังเพาะลงดินรอให้งอก ส่วนมะนาว ปีที่แล้วซื้อ

ปลูกช่วงฤดูฝน 3 ต้น  เมื่อทราบว่ามะนาวเริ่มแพง ฮึดมาปลูกใส่ปลอกปูน 2 ต้นแล้ว วันนี้เลยสั่ง ปลอกปูนและฝา มาอีก 5 ปลอก พร้อมซื้อมะนาวแป้นรำไพ มาอีก 5 ต้น  เป้าหมาย ระยะแรกนี้จะปลูกให้ได้ 20 ต้น (รวมปลูกลงดิน 3+ปลอกปูน 8 = 11 ต้น) อีกต้นเป็นมะนาวไร้เมล็ด น้องชายซื้อมาฝากพร้อมกระถาง 2 ต้น ต้นหนึ่งไปที่ชอบๆแล้ว ส่วนอีกต้นลูกผีลูกคน แต่ดูท่าว่าจะรอดเพราะกำลังแตกยอดใหม่   ส่วนเรื่องการปลูกการบำรุงดิน การบำรุงต้นก็ได้รับความอนุเคราะห์จากชาวบ้านสวนพอเพียงนี่แหล่ะค่ะ ทั้งถามตรง (พี่ธนนันท์) (ป้าลัด) ทั้งแอบหาเอง (หลายเจ้า)

ดินที่ใช้ปลูกซื้อมาปลูกทั้ง มะเขือเทศกับมะละกอ รวมราคาดันด้วย 2,150 บาท เมื่อได้ดินที่ดีกว่า ดินเดิมแล้วสิ่งที่จะนำมาบำรุงดินก็สำคัญ จึงไปตะเวณหาซื้อขี้วัว ไป 3 รอบถึงได้มา รถตัวเองไม่สามารถบรรทุกได้มาก ผบชว. ได้เน้นย้ำเรื่องการพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด รถปิคอัพน้องชายก็ไม่ต้องหวังพึ่งเขา เลยบังคับซื้อขี้วัวจากคนขาย ที่เขาบอกว่าไม่เคยกรอกขี้วัวขายเองเลย มีเจ้านี้เจ้าแรก  "จะขายหรือไม่ขาย ไม่ขายจะได้ไม่ซื้อ ซื้อยากซื้อเย็นขี้วัวเนี่ย" ให้เค้ากรอกขี้วัวไป เราก็ไปชมวัวน้อยที่เพิ่งโผล่มาดูโลกใบนี้

คอกวัวนี้มีวัวราวๆ 30 กว่าตัว มีขี้วัวเยอะพอสมควร แต่ขายราคากระสอบละ 40 บาท ให้กรอกเอง ให้เอากระสอบปุ๋ยมาเอง แต่ด้องแด้งไม่เอาอะไรไป ไม่กรอก แต่จ่าย 40 บาทเท่าคนอื่น สงสารแต่รถยุบตัวไป3ขยัก  เพราะขนมาได้แค่ 3 กระสอบ

เล่าให้พี่นันท์ฟังว่าได้ขี้วัวมาใส่พืชผักแล้ว เจ๊แกเลยร้องจ๊ากเลยว่าทำไมมันแพงจัง (เค้าว่าปศุสัตว์กรอกขี้วัวของเขาขาย กระสอบละ 50บาทด้วยซ้ำ) มิรอช้าเจ๊นันท์เลยแนะนำให้ซื้ออีเอ็มและกากน้ำตาลมาทำปุ๋ยหมักชีวภาพ ด้วยความเคารพมิรอช้าเหมือนกันค๊า

การขนย้ายอะไรต่างๆ ในการทำการเกษตรมันเป็นเรื่องที่ทำให้เหนื่อยมาก หมดแรงเอาง่ายๆ เลยต้องหาตัวช่วย ด้วยรถเข็นที่ใช้ในการก่อสร้าง มาในราคา 650 บาท ออกรถใหม่ก็ต้องทดลองขับ ไม่ยากอย่างใจคิด ง่ายจัง สะดวกจัง สบายจัง ไปขี้วัวไปเป็นปุ๋ยหมักซะโดยดี

แม่ค้าส้มตำ ในคราบเกษตรกร ถอดหมวกใบนอกออกก็เป็นแม่ค้าส้มตำในบัดดล ได้ส่วนผสม ปุ๋ยคอก, EM,กากน้ำตาล และน้ำแล้วก็ไม่ถามแล้ว ลุยเลย

ปลูกตะไคร้ไว้ประมาณ 30 กอ เพราะว่าที่มีอยู่ไม่พอใช้ แม่ต้องไปเอาบ้านคนอื่น อาย เลยต้องปลูกเยอะๆ ให้เหลือกิน เหลือใช้ไปเลย

หลังจาก กลับปุ๋ยหมักชีวภาพกลับไปกลับมาแล้ว รดน้ำ เอาพลาสติกดำปิดไว้แล้ว มาต่อท่อน้ำที่(น้องชายทำแตกแล้วไม่ยอมต่อ เอาจุกปิดมาปิดไว้)

บ่นๆๆ เพราะรอยแตกยาวเมตรกว่า ต้องขุดดินยาวเลย

จบกิจกรรม วันที่ 11 ก.พ.55

เช้าตื่นมา ไปโกยใบไม้มากองๆไว้ แล้วออกไปสั่งปลอกปูนมาลงจะได้ทำงานในวันนี้ ก่อนไปมีรถมาซื้อของเก่าแม่เลยเก็บขาย ไม่ได้ไปดูรายการด้วย แต่ทราบว่าได้ค่าขายของเก่ามา 300 บาท แม่รับทรัพย์แต่เช้าเลยวันนี้

ร้านเค้าเอาปลอกปูนมาส่ง เลยบอกให้เค้าเรียงๆ ให้ตรงกันไว้ เอาใบไม้ที่กองๆไว้มาใส่และรดน้ำ

เสร็จแล้วก็เดินไปที่ไร่มาลัยศล ไปซื้อมะนาวมา 5 ต้น น้องแอ๋วเจ้าของไร่เอาซาเล้งมาส่ง เกิดมาเพิ่งเคยนั่งซาเล้ง สนุกดีเหมือนกัน (มะนาวแป้นรำไพ)

หลังจากได้มะนาวแล้วจึงไปจ่ายตลาด (แม่ค้าที่โอ้เอ้ที่สุดในโลก) ขาไปเห็นพลูคาว อยู่หน้าบ้านเค้า เลยแวะขอมากำหนึ่ง กำลังจะขึ้นรถร้านขายต้นไม้ตะโกนเรียกไปเอาต้นโหระพาไปปลูก เลยได้โหระพามาด้วย กลับมาจากตลาด เมื่อว่าง จึงทดลองกรีดยาง (ง่ายจริงๆค่ะครูตี๋)เพื่อใช้ปลูกพลูคาว

ปัญหาอุปสรรค ในการนี้ คือ ใบมีดคัตเตอร์หัก เลยใช้มีดธรรมดา กรีดตามเข็มนาฬิกาง่ายกว่า

ปลูกหน้าร้านส้มตำ ขนานกับถนน อีกไม่นานว่านสี่ทิศก็จะแตกใบและดอกมามากมาย สวยงามมาก

อยากจะมีเรี่ยวแรงเยอะมากกว่านี้จะได้ทำงาน ได้วันละมากๆกว่านี้ รอชมการปลูกมะนาวในครั้งต่อไปค่ะ

ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องชาวบ้านสวนพอเพียงทุกๆท่านค่ะ