เครียดกันทำไม
ตอนนี้ถ้าดูข่าวกันเชื่อได้ว่าหลายๆคนคงจะเครียดกันไม่น้อยและในเนื้อข่าวก้อมีปัญหาของเด็กๆและคงคิดกันว่าทำไมเด็กถึงทำตัวแบบนี้ทำไมนิสัยแย่เหลือเกินทำไมโรงเรียนไม่ดูแลเอาใจใส่ทำไมพากันมีเพื่อนไม่ดีและหลายๆคำถามท่ไม่รู้จะโยนให้ใครต่อใครที่ไม่ใช้ตัวเองแปลกไมคะที่เราถนัดกันโยนความผิดให้ใครก้อได้ในโลกที่ไม่ใช้ตัวเรากุ้งแค่อยากจะบอกว่าปัญหาของเด็กๆทุกๆคนเกิดขึ้นมันมาจากในบ้านที่แรกเลยไม่ต้องไปหาคนผิดที่ไหนเลยในบ้านของกุ้งเองลูกก้อมีอาการนิดหน่อยแต่ก้อคุยกับพ่อเค้าตลอดทำไงดีเราไม่ตีลูกคะแต่จะพูดคุยและหาวิธีทำโทษแบบอื่นแต่ถ้ากุ้งโมโหมากๆก้อจะนิ่งๆก่อนยังไม่คุยเพราะเชื่อว่าถ้าเราแรงลูกก้อคงไม่ฟังและอาจจะแรงตามถ้าวันไหนแม่ทำผิดหรือเข้าใจลูกผิดกุ้งก้อจะขอโทษลูกแบบไมลังเลเลยคะกุ้งจะชอบกอดลูกมากๆคะเพราะคิดว่าถ้าเรารักเค้าและมีความเข้าใจเค้าบางเมื่อโตขึ้นเค้าจะมีความอ่อนโยนและรู้จักเข้าใจใครๆบางและนี้คือการแก้ปัญหาแบบต้นๆของครอบครัวเราคะซึ้งในอนาคตปัญหาในสังคมคงน้อยลงเรามาช่วยกันนะคะเริ่มจากในบ้านเรานี้แหละคะ ขอเวลาให้ลูกของเราวันละหนึ่งมื้ออาหารเป็นอย่างน้อยนะคะ
- บล็อกของ กุ้งแห่งสวนชมบุญ
- อ่าน 6560 ครั้ง
ความเห็น
pomcob
3 กันยายน, 2010 - 16:50
Permalink
คับย่าวรรณ
คับย่าวรรณ
กุ้งแห่งสวนชมบุญ
3 กันยายน, 2010 - 16:51
Permalink
ย่าวรรณ
อยู่นานๆก้อไม่ค่อยดีนะคะ
ปุ๊ก
3 กันยายน, 2010 - 15:20
Permalink
ไม่เครียด...
เพราะยังไม่มีให้เครียดค่ะ
ทำแค่...พอดี
ใช้อย่าง...พอเพียง
เก็บออม...พอสมควร
3 พอ...เพื่อความสุขในชีวิต
msn kra_pook@hotmail.com
กุ้งแห่งสวนชมบุญ
3 กันยายน, 2010 - 15:25
Permalink
หนูปุ๊ก
ยิงไม่มียิงเครียดคะเพราะเค้าทำให้เรายิ้มแบบไม่รู้ตัวบ่อยๆคะ
ปุ๊ก
3 กันยายน, 2010 - 17:51
Permalink
ไม่มีลูก..
แต่เลี้ยงหลาน เป็นผู้ปกครองของหลาน 3 คน
สองคนแรก เลี้ยงตั้งแต่ แบเบาะ พ่อแม่เค้าไม่ค่อยมีเวลา
ปุ๊กไม่ค่อยจู้จี้ แต่ดุ ถ้าทำผิด 3 ครั้งจะโดน ลงโทษ
จะบอกก่อน ถ้าไม่ฟัง เราจะเงียบ ไม่เคยตีเพราะโมโห
ตีต่อเมื่อทำผิดกฎ และ ครบ 3 ครั้งแล้ว จะเข้มงวดตอนเด็ก
มากกว่าตอนโต พอเค้าโตขึ้น เค้าจะอยู่ในระบบได้
โดยที่เราไม่ต้องไปบังคับเค้า อย่างคนโต ตอนนี้อยู่ ม.4
ก็วางกฎที่คลายลง แค่ว่า จะไปไหนให้บอก ไม่ได้ห้าม
ถ้าเกินเวลาถึงจะอยู่โรงเรียนก็โทรมาบอก ว่าทำอะไร
เรียน ไม่ต้องดีเลิศแต่อย่าขี้เกียจ..
ทำแค่...พอดี
ใช้อย่าง...พอเพียง
เก็บออม...พอสมควร
3 พอ...เพื่อความสุขในชีวิต
msn kra_pook@hotmail.com
ตั้ม
3 กันยายน, 2010 - 15:38
Permalink
เลี้ยงลูกแบบเฉพาะตัว
ผมก็เป็นคนนึงที่ไม่นิยมความรุนแรงและชอบพูดคุยกันด้วยเหตุผลเสียมากกว่า..แต่ก็พบว่าบางบ้านเลี้ยงแบบพูดคุยและใช้เหตุผลก็ไม่ได้ผล..ครอบครัวเพื่อนผมเป็นตัวอย่างที่ดี..เค้าเลี้ยงตามตำรา..ให้ทั้งความรัก อบรมบ่มสอนและใช้เหตุผล..แต่ลูกเค้าก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจพ่อแม่เลย แผลงฤทธิ์เสียจนพ่อแม่และเพื่อนๆของพ่อแม่ระอา..
ตอนลูกสาวยังเล็กประมาณ 5-6 ขวบ ผมเลี้ยงแบบตำรา อ่านทฤษฎีเยอะแยะทั้งของไทยของเทศ แต่ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียว ก็เลยเอาแต่ใจ พูดคุยอะไรก็ไม่ค่อยได้ผล เด็กจะใช้อารมณ์และความรู้สึกมากกว่าจะเข้าใจกฏเกณฑ์..และมั่นใจว่าพ่อแม่ต้องยอมเค้า..
จนวันนึง..ต้องตัดสินใจที่จะทำให้เค้าเกรง..ก็เลยใช้ความรุนแรง..ตี..ยิ่งตี..ยิ่งร้อง..จะเอาชนะ..ผมก็เลยต้องตีให้สงบ..เจ็บปวดมาก..ทุกฝ่ามือที่ตีลูก..มันแปร๊บเข้าไปในหัวใจ..ผมรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเขาเสียอีก..ตีไปน้ำตาไหลไป..แต่คิดในใจว่า..หากวันนี้เราเอาไม่อยู่..วันหน้าเราจะเสียน้ำตามากกว่านี้อีกหลายเท่า..ตีจนขึ้นแนวแดง..จนเค้ารู้แล้วว่าเราเอาจริง..จึงเริ่มเงียบ..สะอึกสะอื้น..
ผมดึงเค้าเข้ามากอด..แล้วพูดกะเค้าว่า..พ่อไม่อยากจะตีหนูหรอก..แต่หนูไม่ยอมฟังพ่อกับแม่..หนูอยากได้อะไรต้องเอาให้ได้..พ่อก็พูดก็คุยก็สอนหนูมาตลอด..เมื่อไม่ฟังกันก็ต้องเจ็บแบบนี้..พูดไปน้ำตายังไหลไป (ผมปิดห้องตี..ไล่แม่ออกนอกห้อง..เพราะเค้าใจอ่อน)..และสัญญากับเค้าว่า..ถ้าเค้าเชื่อและฟังและคุยมากกว่าจะงอแง..จะไม่มีการตีอีกต่อไป..
ตั้งแต่นั้นมา..ลูกผมก็ไม่เคยงอแงอีกเลย..มีบ้างที่ตามใจตัวเอง..ถ้าไม่มากไม่เกินเลยผมก็ไม่ว่ากัน เพียงแต่สอน..แต่หากมากไปแค่ผมทำเสียงแข็ง..ลูกก็รู้แล้วว่า..เค้าไม่มีสิทธิต่อรอง..ผมตีเค้าครั้งเดียวในชีวิตและคิดว่าทำถูก..จนถึงทุกวันนี้..ลูกยังจำวันนั้นได้ดี..
ผมดีใจที่ลูกไม่เคยสร้างปัญหาหนักใจอะไรให้ผมอีกเลย จนถึงทุกวันนี้..บางคนอาจจะคิดว่าลูกกลัวผมจนไม่กล้าพูดคุย..ผิดครับ..เราสามคนมีเรื่องคุยกันทุกวัน..ผมจะบอกกับลูกว่า..ไม่เคยมีใครที่ไม่ผิด..และไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้..หากลูกทำอะไรที่ผิดพลาดขอให้คิดว่าทุกอย่างแก้ไขได้..หากเกรงว่าพ่อแม่จะไม่พอใจ..ให้บอกว่า..พ่อ..แม่..หนูมีบางสิ่งจะสารภาพ..พ่ออย่าเพิ่งโกรธหนูนะ..(ผมสอนให้ลูกพูดความจริง ไม่อยากให้โกหก..แต่ตัวเราก็ต้องมีกลไกป้องกันอารมณ์ การให้ลูกบอกว่าสารภาพแล้วอย่าโกรธเพื่อผ่อนอารมณ์หากมีปัญหา) เมื่อลูกพูด..เราก็จะถือโอกาสสอนเค้า
บางเรื่องหากเค้าไม่สะดวกพูดกับผม ก็ขอให้ไปพูดกับแม่ เพื่อแม่จะมาคุยกับผมก่อนก็ได้ เช่นเดียวกันหากมีปัญหากับแม่ ก็เข้าหาพ่อก่อน..แต่ที่สำคัญ..ผมตกลงกับแฟนก่อนเลยว่า..ห้ามมีความโกรธพร้อมกัน..เพื่อเป็นทางออกให้ลูก..ถ้าพ่อเป็นไฟแม่ต้องเป็นน้ำ..ถ้าแม่เป็นไฟพ่อต้องเป็นน้ำ..วิธีนี้ได้ผลดีมากๆเลย (บางครั้งลูกถูกแม่ตำหนิหรือโกรธ ผมก็จะเป็นคนไปปกอดไปปลอบ รู้ว่าลูกผิด ก็จะชี้แจงแบบน้ำเย็นไม่ใช่ให้ท้ายนะ)
เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่น..ผมเข้าใจธรรมชาติของวัยรุ่นที่ต้องการเป็นตัวของตัวเอง ต้องการพิสูจน์ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว..ผมจะสอนน้อยลงแต่ใช้การแนะนำหรือสอนผ่านการคุยกะแม่หรือกะเพื่อนที่โทรมาปรึกษา โดยเจตนาให้เค้าฟัง(ความอยากรู้ของเด็กที่ไม่ชอบให้จ้ำจี้จ้ำไช ต้องใช้ความอยากรู้อยากเห็นของเค้าแทน)
บ้านผมมีกันสามคนพ่อแม่ลูก..หากความคิดเห็นไม่เหมือนกันหลังจากชี้แจงเหตุผลแล้วไม่ได้ข้อสรุปต้องโหวต..สองในสามถือเป็นมติของบ้าน..มันก็เลยไม่ค่อยมีปัญหากัน..(บ่อยครั้งที่ผมกับแฟนคิดไม่เหมือนกัน ลูกก็เป็นคนชี้ขาด บ่อยครั้งที่แฟนกับลูกคิดไม่เหมือนกันผมก็เป็นคนชี้ขาด)
เขียนมายืดยาวเพราะเป็นวิธีการเลี้ยงลูกที่ได้ผลมาก่อน แต่ละบ้านอาจมีวิธีการเฉพาะตัว..แต่อยากเน้นว่า..อย่าปล่อยจนลูกโตจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเขาได้ยาก..การเลี้ยงแบบสมัยใหม่จ๋าก็อาจไม่ได้ผลดีนัก ประยุกต์ทั้งแบบภูมิปัญญาดั้งเดิมกับสมัยใหม่ ควบคู่กันก็น่าจะได้ผลดีกว่า..ที่สำคัญ..เราต้องรู้ว่า..ผู้ใหญ่อย่างเราเป็นตัวแบบที่ดีหรือเปล่า..และอย่าใช้อารมณ์..อย่ากำหนดว่าผู้ใหญ่จะต้องถูกเสมอไป..
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
witlessness
3 กันยายน, 2010 - 16:02
Permalink
ผมชอบแนวคิดของพี่ตั๊มครับ แต่ยังไม่เคยลงมือเลยสักครั้ง
ผมเองก็มีลูกครับ (เจ้าตัวเล็กในภาพ) ตอนนี้กำลังจะ 5 ขวบ อยู่ อ.2 ตอนนี้ก็เริ่มมีนิสัยไม่พึงปราณาของพ่อแม่ อยู่หลายเรื่อง แต่ตั้งแต่เขาเกิดมาผมยังไม่เคยตีเขาเลย แต่ไม่ใช่จะไม่ตีนะครับ เพราะผมเชื่อว่าการตีลูกเพื่อการลงโทษหรือเพื่อการสั่งสอน ยังเป็นวิธีที่ถูกต้องและยังใช้ได้ผลอยู่ แต่ด้วยความตั้งใจว่าจะไม่ตีเขาจนกว่าเขาจะเข้าชั้นประถม ตอนนี้ก็แค่ขู่ว่าอย่าให้พ่อเปลี่ยนความตั่งใจตีเขาก่อนเวลาที่กำหนดครับ
กุ้งแห่งสวนชมบุญ
3 กันยายน, 2010 - 17:07
Permalink
พี่ตั้ม
ลูกชายคนเดียวของกุ้ง10ขวบคะแต่ได้อ่านของพี่ตั้มแล้วได้ความรู้มากและขอขอบคุณความรู้ดีๆมากเลยคะ
ย่าวรรณ
3 กันยายน, 2010 - 15:57
Permalink
การเลี้ยงลูก
ในฐานะที่ย่าวรรณมีลูกชายสองคน แต่ต่างวัยกันคนหนึ่งส่งเขาขึ้นฝั่งได้แล้วในช่วงที่ตัวเองเป็นแม่วัยรุ่นรู้สึกว่าตอนนั้นวัยใกล้เคียงกับเขาจะพูดคุยเลี้ยงดูเขาง่ายๆแบบเพื่อนแต่พอมามีคนที่สองในช่วงที่แม่เข้าสู่วัยทองแต่ลูกชายคนที่สองเข้าสองเข้าสู่วัยรุ่นทั้งที่มีเวลาให้เขาเต็มที่แต่ก็รู้สึกเครียดเป็นบางครั้งอาจเป็นเพระเทคโนโลยี มันก้าวเร็วไปหรือเปล่าไม่รู้นะน้องกุ้ง
lekonshore
3 กันยายน, 2010 - 16:35
Permalink
จะใช้เป็นแบบอย่าง ทุก ๆ
จะใช้เป็นแบบอย่าง ทุก ๆ คนนะค่ะ
ปกติก็ไม่เครียด ๆ ตอนขอตังค์เหมือนกัน คิคิ
พอดีมีแต่ลูกชายเลยห้าว ๆ กันหมด เหมือนเป็นเพื่อนกันสะมากกว่า
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
หน้า