ในอนาคตจะเป็นอย่างไร

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ได้อ่านข้อความรุ้งตัดแวงในหนังสือพิมพ์ข่าวสด น่าสนใจมาก เลยขออนุญาตคัดลอกมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ

 



   [Home] หน้าแรก-ข่าวสด


 
จำนวนคนอ่านล่าสุด 97 คน

Share


วันที่ 02 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7490 ข่าวสดรายวัน


หิวโหย


รุ้งตัดแวง
สปาย-กลาส


องค์กรการกุศลนานาชาติ ออกซ์แฟม เปิดรายงานล่าสุดเกี่ยวกับวิกฤตอาหาร

ในช่วงเวลาเดียวกับที่จีนเผชิญภัยแล้งในหลายมณฑล จนราคาอาหารที่เป็นพืชผักพุ่งไปกว่าร้อยละ 20 ในเวลาเพียงไม่กี่วัน

ออกซ์แฟมคาดการณ์ว่า อีก 20 ปีราคาอาหารจะแพงกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ 2 เท่า

แปลว่าถ้าข้าวแกงตอนนี้จานละ 25 บาท อีก 20 ปีก็จานละ 50 บาท

สาเหตุ หลักที่ทำให้เกิดวิกฤตคือ ความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ้น (คนในโลกเพิ่มจำนวน) ผลผลิตการเกษตรไม่เพิ่ม และสภาพอากาศแปรปรวนจากภาวะโลกร้อน

ออกซ์แฟมประเมินว่า จำนวนผู้คนที่หิวโหย ไม่มีอะไรจะกินจะเพิ่มขึ้นทุกวัน จากตอนนี้มี 925 ล้านคน

ในมุมมองของออกซ์แฟม สถานการณ์แวดล้อมจะเลวร้ายไปหมด เพราะตอนนี้โลกเข้าสู่ยุคของวิกฤตที่มีแต่จะรุนแรงขึ้น

ไม่ว่า ราคาอาหารเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันกระฉูด มีหายนภัยจากสภาพอากาศ การเงินโลกล้มละลายและเกิดโรคระบาดทั่วโลกในเวลารวดเร็ว

สัญญาณทั้งหมดตอกย้ำว่า ความหิวโหยจะเพิ่มขึ้น

สำหรับทางแก้ไขปัญหาที่ออกซ์แฟมนำเสนอ คือต้องจำกัดการกักตุนสินค้าเกษตรในอนาคต เป็นทางเดียวที่จะระงับภาวะเงินเฟ้อในราคาอาหารได้

องค์กรนี้ยังต่อต้านการใช้พืชที่ผลิตอาหารไปทำพลังงานไบโอดีเซล

ขณะ เดียวกันต้องปรับการลงทุนด้านการเกษตรให้สมดุล เพราะตอนนี้ระบบการไหลเวียนของผลผลิตอาหารที่ล้มเหลว มาจากความล้มเหลวของรัฐบาลในด้านการลงทุนและจัดระเบียบควบคุมฝ่ายเอกชน

ทำให้ผู้ที่ "ใหญ่กว่า" มีสิทธิใช้ทรัพยากรได้มากกว่า

ออกซ์ แฟมเสนอว่า รัฐบาลประเทศ ยากจนต้องมามีส่วนร่วมถกหาทางออกในเวทีโลก เนื่องจากเผชิญปัญหาแย่งชิงทรัพยากรทั้งน้ำ ดิน และอาหาร ไม่ใช่ปล่อยให้มหาอำนาจควบคุมการแก้ไขปัญหา

เพราะคนที่ต้องหิวโหยก่อนคือคนจน ไม่ใช่คนรวย


หน้า 7

















 

Copyright © by Matichon Publ

ความเห็น

ถ้าเราเรียนรู้วันนี้ วันข้างหน้าของจะแพง พืชผักต่างๆอาหารแพง บางสิ่งบางอย่างเราสามารถทำเองปลูกเองได้ ถึงแม้ของจะแพงเราก็ ลดรายจ่ายลงไปได้ครับ


มีคนเคยถามผมว่าทำไมถึงคิดซื้อที่ดินต่างจังหวัดและเลือกซื้อที่ดินแบบการเกษตร(บ้านคา)มากกว่าแบบไสตล์รีสอร์ท(ที่เขาบนสวนผึ้ง) ผมตอบว่าเป็นเพราะผมต้องการนำที่ดินมาทำการเกษตรแบบพึ่งพาตนเองที่ไม่ใช่การค้าในชีวิตช่วงเลย 50 ปีของผมที่ยังพอมีทั้งกำลังกายและกำลังเงินพอที่จะไม่ต้องเดือดร้อนกับการหารายได้ เป็นแนวคิดแบบปลูกเองกินเองลดการพึ่งพาภายนอกให้น้อยที่สุดโดยเลือกทำเลที่สามารถผสมผสานทั้งการทำการเกษตรและแบบอยู่อาศัยแนวรีสอร์ท และที่สำคัญมีเอกสารสิทธิถูกต้อง ราคาไม่แพงมาก (ผมซื้อที่ดินในราคาเดียวกับเกษตรกรซื้อในราคาตลาด) คำถามต่อมา..แล้วซื้อทำไมตั้งมากมาย..ผมตอบเพราะมีความคิดเหมือนที่คุณยุพินโพสท์ในหัวข้อนี้..


กล่าวคือ..ผมมองปัจจัยเรื่องโลกร้อนและผลกระทบต่อการพัฒนาที่มีต่อดุลธรรมชาติมามากกว่าห้าปีและเริ่มมองหาที่ดินมาตั้งแต่ปี 48 ผมเชื่อมั่นลึกๆว่าในอนาคตอันใกล้โลกจะประสบภาวะขาดแคลนทั้งเรื่องอาหารและพลังงานรวมทั้งทรัพยากรที่ได้จากธรรมชาติ หลายประเทศที่มีทุนมีเงินไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น สิงคโปร์ ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ยุโรปบางประเทศจะเริ่มมองหาประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตทางการเกษตร ซึ่งแน่นอนที่สุดภูมิภาคอุษาคเนย์โดยเฉพาะประเทศไทยเราเป็นเขตมรสุมร้อนชื้นไม่ขาดแคลนเรื่องน้ำ แสงแดดและอุดมสมบูรณ์เป็นอู่ข้าวอู่น้ำเลี้ยงประชากรโลก ถึงขนาดเพื่อนต่างชาติคนนึงของผมบอกว่า เมืองไทยโยนเมล็ดอะไรลงดินไม่ต้องปลูกไม่ต้องดูแลก็ขึ้นงอกงาม ประเทศต่างๆเหล่านี้น่าจะเริ่มเข้ามาหาลู่ทางในการใช้ประโยชน์ในด้านแหล่งอาหารและพลังงานทดแทนจากพืช ไม่ว่าจะรูปแบบของการลงทุนข้ามชาติ การเช่าระยะยาวร่วมร้อยปีหรือการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิอันชอบธรรมผ่านนักการเมืองขายชาติที่ออกกฏหมายเอื้อต่อการยึดครองในอนาคต ถึงตอนนั้นที่ดินก็จะเริ่มเปลี่ยนมือ..สมัยก่อนยังแค่เกษตรกรมาสู่นายทุน แต่อนาคตจะเปลี่ยนมือจากเกษตรและนายทุนไทยสู่นายทุนข้ามชาติ และเมื่อนั้นราคาที่ดินที่สามารถทำการเกษตรได้ก็จะมีราคาถีบตัวสูงขึ้นตามหลัก demand & supply แต่คนไทยเราอาจไม่เหลืออะไรแล้ว คนไทยและประเทศไทยจะมีสิทธิเป็นเจ้าของแต่เพียงชื่อประเทศ แต่สิทธิผูกขาดที่แท้จริงกลับไม่ใช่เรา


เพื่อนหลายคนของผมบอกว่าผมคิดแง่ร้ายคิดมากคิดไกลเกินไปหรือเปล่า ผมไม่สนใจเริ่มมองหาและตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องมีที่ดินและทำตามฝันที่ต้องการให้ได้ จึงได้ที่ดินบ้านคา ราชบุรีแปลงนี้มา ผมอยากจะบอกเพื่อนๆที่เป็นเกษตรกรที่มีที่ดินทำกิน อยากให้เก็บรักษาไว้ให้ดี วันหนึ่งมันอาจเป็นอย่างที่ผมคิด และ ณ ตอนนี้มันก็มีสัญญาณหลายอย่างบ่งบอกถึงความน่าจะเป็น ล่าสุดภัยสีนามิที่ญี่ปุ่น พายุหิมะและทอร์นาโดในยุโรป ก็พอจะเห็นเค้าลางของการย้ายฐานการลงทุน โดยเริ่มจาก SME ของญี่ปุ่นที่ตอนนี้เล็งย้ายฐานมาไทย ควบคู่กับอุตสาหกรรมรถยนต์ที่อาจทยอยย้ายตามมา


เพื่อนๆที่เคยมองดูผมอย่างขำๆ ตอนนี้หลายคนก็เริ่มมองหาที่ดินเพื่อเก็บเป็นสมบัติเป็นหลักประกันป้องกันการขาดแคลนในวันข้างหน้าให้กับลูกหลาน...


ไม่รู้นะ..ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้

แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย

เห็นด้วยครับ ผมเชื่อว่า ถ้าเรา(ประเทศ)ยังวิ่งตาม ทุนนิยม อยู่อย่างนี้ อีกไม่นานข้างหน้า เราต้องซื้อ อาหาร กินในราคาที่สูงขึ้นลิ่วลิ่วทั้ง ๆ ที่ปลูกอยู่ในบ้านเรา เพราะต้องซื้อจากต่างชาติ ที่เข้ามาถือสิทธิ์ อีกไม่นานครับคงจะได้เห็น สิ่งที่เราจะทำได้ คือการพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด ..... "เศรษฐกิจพอเพียง" ....พ่อหลวง ของเรา พระองค์ทรงมองเห็นปัญหานี้มานานแล้ว แต่ยังมีน้อยคนนัก ที่จะให้ความสำคัญและสนใจจริง ๆ .... คนไทยไม่สนใจเศรษฐกิจพอเพียง .... แต่ต่างชาติ หลาย ๆ ประเทศ สนใจและนำเอาทฤษฎีนี้ ไปใช้กันแล้ว ....แล้วคนไทยละ คิดอะไรกันอยู่ หรือจะรอ ให้ ต่างชาติ เข้ามาสอน เศรษฐกิจพอเพียง ถึงจะเชื่อ .......

เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"

ใช่ค่ะ พ่อหลวงท่านเป็นคนฉลาด มองการณ์ไกลได้แม่นยำ อยากให้ทุกคนเดินตามรอยความคิดของพ่อหลวงท่าน

แผ่นดินไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนแผ่นดินเกิด อยากกลับบ้านจัง

ทดสอบ

ในสิ่งที่เรากลัวและกังวล อาจจะมีหลายคนหัวเราะเยาะว่าตื่นตระหนกมากไป แต่เราทำเพื่อความไม่ประมาทค่ะ เราจะรอให้เป็นอย่างนั้นแล้วค่อยลงมือ คิดว่าคงจะสายเกินไปแล้ว คุณตั้มคิดถูกและทำถูกแล้วค่ะ

แผ่นดินไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนแผ่นดินเกิด อยากกลับบ้านจัง

ทดสอบ

เป็นเรื่องน่าเศร้าค่ะ คุณยุพิน ... คิดอยู่เสมอว่าอาหารเป็นสิ่งสำคัญ เหลือแต่ช่วยกันทำให้ไม่ขาดแคลน

ก็นั่นนะสิ ถ้าเราไม่เริ่มลงมือปลูกต้นไม้กันวันนี้  มันจะสายเกินไปหรือเปล่า

แผ่นดินไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนแผ่นดินเกิด อยากกลับบ้านจัง

ทดสอบ

ชาวบ้านสวน ถ้ามีที่ดินแล้วปลูกพืชผักไว้เยอะๆ หลากหลาย จะมีผลกระทบน้อย

อยู่กับดิน กินกับทราย  

อยู่กับดิน กินกับทราย แต่ต้องปลูกต้นไม้ด้วยนะคะ ถึงไปรอดค่ะ

แผ่นดินไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนแผ่นดินเกิด อยากกลับบ้านจัง

ทดสอบ

หน้า