หาเรื่องราว(คิดว่า)ดีๆ มาให้ สมช. อ่านครับ

หมวดหมู่ของบล็อก: 

บทความของ นายแพทย์เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการบำบัด

http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Kid/k160/020.html

 

น้ำเต้าหู้กับสุขภาพ

http://www.watklaikangwon.org/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=watklaikangwonorg&thispage=2&No=227732

เพิ่มเติม

นมวัว และ โปรตีนแคสโซมอร์ฟิน ( casomorphin ) ที่มีอยู่ในนมวัวด้วยครับ

http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=autistic&id=857

ความเห็น

ต้องยอมรับว่า โครงการของโรงเรียนที่แจกเม็ดนมผงให้เด็กทานนั้น เป็นสารเร่งโตจริงๆนะ หลานสาวเราที่บ้าน ตอนนี้ 9 ขวบเอง สูงกว่าเราอีก โครงร่างก็ใหญ่ผิดพ่อผิดแม่ นี่ขนาดเขาเพิ่งจะ 9 ขวบเองนะยังสูงตั้ง 160 แล้ว แล้วนี่กว่าเขาจะถึง 25 ก็ต้องสูงต่อไปอีก  กลัวเขาจะหาแฟนไม่ได้อ่ะ เพราะเขาสูงใหญ่กว่าผู้ชายบางคนซะอีก แล้วอีกอย่าง เขาเป็นคนไม่สวยอ่ะ ไม่มีเสน่ห์เลย กลัวว่าผู้ชายจะไม่ชอบเขา เพราะหน้าตาก็ไม่สวย แถมสูงใหญ่ยังกะผู้ชาย มือ เท้าก็ใหญ่ บาน อีกตะหาก กลัวหลานสาวหาแฟนไม่ได้น่ะ (สงสัยต้องไปหาแฟนฝรั่ง) 

ขอบคุณลุงพูนมาก ๆ ค่ะ ที่มีเรื่องราวดี ๆ มาแบ่งปัน พวกเราเหล่า สมช.เป็นประจำ ขอยึดแนวทางของลุงพูน เป็นแบบอย่าง เมื่อมีโอกาสทำมากกว่านี้ค่ะ

จากข้อเขียน  บทความ  ถึงอันตรายของนมวัว  และถั่วเหลืองนั้น

ก่อนอื่นต้องต้องเข้าใจก่อนว่า

1.  น้ำนมของสัตว์ทุกชนิด  เป็นอาหารสำหรับลูกอ่อน ซึ่งลูกสามารถดูดกินได้ตลอดเวลา  เพียงแต่น้ำนมแม่จะออกเพียงช่วงหนึ่ง  ก็จะไม่มีแล้ว  ลูกสัตว์แต่ละชนิด  สามารถกินน้ำนมของสัตว์ทุกชนิดได้

     ส่วนโทษที่มีการเขียนถึง  ถ้ามีหรือเกิดขึ้นจริง  คงไม่ใช่มาจากตัววัวแต่มาจากกรรมวิธีการ  เลี้ยงวัว  การให้อาหาร  การกระตุ้น  ด้วยสารเคมี  ดังนั้นถ้าเราเลี้ยงวัวแบบอินทรีย์  ที่กำลังฮิตอยู่ในปัจจุบัน  โทษหรือพิษต่างๆ ของนำ้นมวัวน่าจะไม่มี

2.  ถั่วเหลือง  เมล็ดถั่วทุกชนิด  เป็นอาหารโปรตีนจากพืช  ที่มีคุณภาพสูง  บางชนิดอาจเทียบชั้นได้กับโปรตีนจากเนื้อ นม ไข่

     ฉะนั้นคนที่ไม่กินโปรตีนจากเนื้อ  นม  ไข่   ก็จำเป็นต้องทดแทนด้วยถั่ว

     บางคนอาจแย้งว่า  ไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิด  กินแต่มังสะวิรัติ มานับสิบๆ ปี แล้ว  ก็ปกติดี  นั้นเป็นเรื่องของคนที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว  ร่างกายต้องการโปรตีนน้อย  ถึงไม่กินเนื้อ นม ไข่ ไม่กินถั่ว  ก็ไม่เป็นไร  ลองคนที่อยู่ในระยะการเจริญเติบโตซิครับ  หากไม่กิน เนื้อ นม ไข่ ถั่ว  กินแต่ผัก  ให้ระวังจะเห็นผลในอนาคตครับ

     ส่วนโทษของถั่วเหลือง  ที่ว่า มีสารอัลฟา ทอกซิน นั้น  ขอให้ความเห็นว่า  ปกติวัตถุดิบอาหารต่างๆ  ไม่มีอัลฟ่าทอกซินครับ  แต่เมื่อไรที่วัตถุดิบนั้นขึ้นรา ถ้าเป็นราชนิด Aspergillus  flavus  ตัวนี้แหละจะสร้างสารอัลฟ่าทอกซิน อันเป็นสาเหตุของมะเร็ง  ดังนั้นอาหารที่ขึ้นราทุกชนิด  ย่อมมีสิทธิแถมอัลฟ่าท็อกซินให้แก่เราได้ทุกเมื่อ

    ฉะนั้นไม่ว่าเมล็ดถั่ว  หน่อไม้แห้ง  ข้าวสาร  ฯลฯ  ถ้าเ้ก็บไว้ ในที่ชื้นๆ นานๆ  ก็ย่อมมีโอกาสขึ้นรา และล้างไม่ออกเสียด้วย  เมื่อเรานำมากินย่อมได้รับอัลฟ่าทอกซิน เป็นของแถมแน่นอน

     แต่ปัจจุบัน  อาหารหลายชนิดเราไม่ต้องกลัวจะขึ้นรา  เพราะเขาใช้สารกับบูด กันเชื้อรา  ซึ่งก็เป็นสาเหตุให้เราเกิดโรคต่างๆ โดยไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน

สรุป ความเห็นของผม

     1.เราอย่ากังวลกับการที่จะให้ลูกๆ ดืื่มนมวัว มากเกินไป

     2.เลิกกลัวอัลฟ่าทอกซินในถั่วเหลือง หรือถั่วต่างๆ ครับ  แต่ให้รู้จักเลือกถั่วที่คิดว่าไม่ขึ้นราแน่นอน  มากิน จะดีกว่า

     3.ทำไมผมจึงแนะว่า ให้เลิกกลัว  เลิกกังวล กับ นมวัว  ถั่วเหลือง เพราะ

        3.1  เด็กๆ  ไม่ได้กินเฉพาะนมวัว น้ำถั่วเหลือง  ปัจจุบันเด็กๆ นิยมกินอาหารฟาสฟูด  อาหารเพ็คกิ้งเก้บไว้ได้นาน  อาหารขยะ  ลูกชิ้นปิ้ง  ไก่ทอด ฯลฯ  ล้วนใส่สารเคมี กันบูดทุกชนิด  อาจใช้ตามเกณฑ์ หรือมากเกินเกณฑ์ ก็ได้

        3.2  ปัจจุบันแทบทุกครอบครัว  ซื้อสารปรุงรส  มาประกอบอาหาร  หลายๆ ยี่ห้อ คือภัยมืดที่อยู่กับเราโดยไม่รู้ตัว

        3.3  เนื่องจากปัจจุบันเราทำงานตามสำนักงาน  อาหารก็ซื้อกินเป็นประจำ  บางคน  ทุกเที่ยง  กินเส้นเล็ก 2 ถ้วย,  กินข้าวมันไก่ 1  จาน  ฯลฯ   ก่อนถึงบ้านซื้อกับข้าวถุง  นั้นแหละตัวดี  ชูรส  สารปรุงรส เพียบเลย

        3.4  จะกินผัก  ก็ยาฆ่าแมลงไม่หมดฤทธิ  จะกินถั่งงอก ก็ดันใส่สารฟอกขาว

        3.5  จะกินปลา  กุ้ง  ก็แอบใช้ฟอร์มาลิน

      4.จะเห็นว่า ณ วันนี้ เราหลีกพิษภัยจากความเห็นข้อ 3.1-3.5  ไม่พ้นเลย  ซึ่งผมคิดว่า อันตรายกว่า นม และถั่วเสียอีก  แต่ถ้าไม่กินก็อดตาย

      5.ดังนั้นเราจึงต้องพยายามหลีกเลี่ยง(หลีกเลี่ยงนะครับ  ไม่ใช่ไม่กิน  เช่น  กินผักป่า บ้าง  อย่ากินแต่คะน้่า ทุกๆ วัน   ซื้อไข่ไก่บ้าน มากินบ้าง ฯลฯ)อาหาร ที่คิดว่าจะเป็นพิษ กับเราให้มากที่สุด  เพราะอย่างไร เราก็หนีไม่พ้นครับ

ดังนั้น  โครงการ ผักข้างบ้าน อาหารข้างรั้ว ครอบครัวพอเพียง หลีกเลี่ยงสารเคมี   จะช่วยเราได้พอสมควร

ผมว่าชีวิตทุกวันนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยงของผู้ประกอบการที่เห็นแก่ได้ ครอบครัวผมต้องกินอาหารนอกบ้านเกือบร้อยเปอร์เซนต์..ชีวิตเลยเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย..ไม่รู้ว่ามะเร็งหรือโรคร้ายอื่นๆจะมาเยือนวันใด..พี่สาวคนนึงก็เสร็จไปแล้วจากมะเร็งลำไส้..เฮ้อ..ทุกวันนี้ถึงอยากจะหยุดแล้วกลับมามองชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อทนุถนอมเท่าที่จะทำได้..พยามดูแลตัวเองตามคำแนะนำ..อ่าน...อ่าน...อ่านจากเน็ต..บางครั้งก็สับสน..อย่างเรื่องการทานน้ำเย็น..สองหมอเคยเขียนโต้กันจนไม่รู้ว่าจะเชื่อใคร..การอุ่นด้วยไมรโครเวฟก็เหมือนกัน..ข้อมูลเยอะมากจนสับสน..ไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ..


ข้อมูลของซือเฮีย..เป็นสิ่งที่น่าปฏิบัติ..เพื่อนๆหลายคนเค้าทำแนวนี้สุขภาพก็ดีขึ้นจริงๆ..โดยเฉพาะการลดการบริโภคอาหารที่ย่อยยากจำพวกเนื้อสัตว์..แต่เรื่องนมนี่ผมก็ยังสงสัยและไม่แน่ใจเหมือนกัน

แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย

แต่ทำไม่ค่อยได้ แต่ก็คิดอยู่ตลอดเวลากินอะไรแบบนี้

มีสาระ น่าสนใจมาก ขอบคุณครับ

หัวใจสีเขียว

ดีครับลุง อะไรดีๆจัดหามาแบ่งปันกัน...สุขภาพดีไม่มีขาย ต้องทำเอง

เมื่อจิตสงบ...ก็จะเห็นซึ่งปัญญา

หน้า