มาทำ "น้ำมะเขือเทศ" เพื่อสุขภาพกัน

หมวดหมู่ของบล็อก: 

มะเขือเทศจัดได้ว่ามีสาร "ไลโคปีน" สูงเป็นอันดับสองรองจาก "ฟักข้าว"  แต่ว่ามะเขือเทศนั้นจะหลั่งสารไลโคปีนออกมาเยอะๆก็ต่อเมื่อมันผ่านกระบวนการความร้อน เช่นการนำไปต้มให้สุก ทำซุบ หรือทำซอสมะเขือเทศก็จะได้สารไลโคปีนมากกว่าทานสดๆ

********


วันนี้เข้าสวนเก็บมะเขือเทศได้มา 2 กิโล แต่ว่าจะเอามาทำน้ำมะเขือเทศไว้ดื่มแค่กิโลเดียวพอ ที่เหลือเก็บไว้ทำซุปค่ะ

*******


ล้างมะเขือเทศให้สะอาด หั่นผ่าครึ่งเป็นชิ้นๆ  ใส่หม้อต้มทั้งเม็ด ทั้งเปลือกเลยค่ะ ไม่ต้องใส่น้ำ เพราะเดี่ยวน้ำมะเขือเทศจะออกมาเอง หมั่นคนบ่อยๆ

********

เมื่อสุกได้ที่แล้วเติมผงเบคกิ้งโซดาลงไป 1 หยิบนิ้ว เพื่อตัดกลิ่นเหม็นหืน และความเป็นกรดของน้ำมะเขือเทศออกไป หรือถ้ามะเขือเทศบางชนิดที่มีรสหวานมากกว่ารสเปรี้ยว ก็ไม่ต้องเติมผงเบคกิ้งโซดา เพราะมีกรดน้อย

**************

หลังจากนั้น นำมากรองเอาเมล็ดและเปลือกออกด้วยกระชอนตาถี่ๆ หรือจะใช้ผ้าขาวบางก็ได้ แล้วแต่จะหาได้ในครัวเรือน

*********


เราก็จะได้เนื้อมะเขือเทศที่ละเอียดเนียนแบบนี้ค่ะ ไม่ต้องใส่เกลือนะค่ะ เพราะมะเขือเทศ High Sodium อยู่แล้ว มีธาตุเหล็กสูง รสจะออกเค็มในตัวอยู่แล้ว

 *******

และนำสับปะรดมา 1 หัวใหญ่ ฝานเปลือกออก ล้างให้สะอาด และหั่นเป็นชิ้นๆพอคำ

********


และน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง

********


นำสับปะรดและน้ำ 2 ถ้วยตวงใส่หม้อต้มจนกว่าจะสุก ไม่ต้องเติมน้ำตาลนะค่ะ แค่ต้มสับปะรดกับน้ำเปล่าสองอย่างพอ

*******


เมื่อสุกแล้ว ก็นำมากรองเอาแต่น้ำ ใช้ช้อนกดลง หรือถ้ามีผ้าขาวบางก็บีบเลยค่ะ เอาน้ำหวานออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

******


แล้วเราก็จะได้น้ำสับปะรดสีเหลืองไสแบบนี้ค่ะ บีบน้ำมะนาวลงไป 1 ลูกเพื่อความหอมกลมกล่อมยิ่งขึ้น หรือใครจะดัดแปลงปรุงแต่งรส ด้วยน้ำเสาวรสสัก 5-6 ลูกก็ไม่ว่ากัน อาจจะได้ความหอมน่าดื่มมากยิ่งขึ้น แต่น้ำเสาวรสมันออกเปรี้ยวจัด ก็อย่าเติมเยอะจนลืมนะค่ะ เดี่ยวจะเปรี้ยวเกินจนดื่มไม่ได้ แล้วจะต้องหันไปหาน้ำตาลแทน

*******

ผสมน้ำสับปะรดกับน้ำมะเขือเทศให้เข้ากัน กรอกใส่ขวด เก็บเข้าตู้เย็น ดื่มเย็นๆ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จแล้วค่ะ

******

น้ำมะเขือเทศที่ได้ เป็นหน้าตาแบบนี้ค่ะ ความหวานที่ได้ ก็จากน้ำสับปะรดล้วนๆ ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลเลย ส่วนตัวแล้วชอบหวานนิดหน่อย ไม่ชอบหวานจัด หากใครที่อยากลองทำทานดู หรือใครที่ชอบหวาน แนะนำว่า ให้ใส่สับปะรด 2 หัวเลย ต่อมะเขือเทศ 1 กิโล

*******************

สูตรนี้ คือ หากมะเขือเทศต้ม สับปะรดก็ต้องต้มค่ะ มันถึงจะไปด้วยกันได้ และเก็บไว้ได้นานไม่บูด หรือใครจะทำทานสดๆก็ได้ค่ะ คือใช้มะเขือเทศสด และน้ำสับปะรดสด ถึงจะไปด้วยกันได้ แต่อาจจะมีกลิ่นเหม็นหืนมากกว่ามะเขือเทศต้ม และได้สารไลโคปีนน้อยกว่าเราเอาไปต้ม แต่ก็ได้ไวตามินซีสูงเช่นกัน เพราะฉนั้นก็แล้วแต่คนชอบ ชอบใครชอบมัน

แต่น้ำมะเขือเทศสดมันเก็บได้ไม่นาน มันบูดเร็ว ทำมากๆไม่ได้ ถ้าดื่มไม่หมด วันหลังมาก็ไม่อร่อยแล้ว ต้องทำน้อยๆแล้วดื่มให้หมด แต่หากว่าเราเอามาต้มให้สุกแบบนี้ จะเก็บได้นานกว่า กรอกใส่ขวดเข้าตู้เย็นเก็บได้นานครึ่งเดือนเลยค่ะ

********

ขอบคุณค่ะที่แวะมา


ความเห็น

คั้นสดๆ มันต้องดื่มให้หมดรวดเดียวน่ะอีฟ เก็บค้างคืนไม่ได้ บูดดดดด แบคทีเรียเริงระบำ

แต่ถ้าเอามาต้มแบบนี้ ไม่มีปัญหาเลยอีฟ 15 วันในตู้เย็น เหนาะๆ แถมได้สารไลโคปีนอีก กินเป็นประจำ จะรู้สึกว่า แก้มเป็นสีชมพูเด้อจ้า ซิบอกไห่....ลองเบิ้งเด้อ บ่เซื้อ...จะรู้สึกว่า ผิวพรรณมีเลือดฝาดขึ้น แก้มเป็นสีชมพู ฮ่าๆๆๆ


คนกรุงเทพฯ ไม่มีสวนย่านหนัด ไม่มีสวนเขือเทศ มีแต่หลาดนัด วันนี้ทำน้ำเขือเทศดีหวา ขอบคุณนะจ๊ะ เจ้าของสูตร

น่าทานมาก  ใส่วอดก้าลงไปหน่อยอร่อยล้ำแน่ๆ  ว่าแล้วป้าก็จะไปตลาดเร็วพลัน ปฎิบัติการลอกแบบโดยทันใด

ขอบคุณน้องอ๊อดนะคะ

Laughingป้าอ้อย

รอชมการบ้านจ้าาาาาา หากชอบหวานก็เพิ่มน้ำสับปะรดลงไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับมะเขือเทศที่ใช้ด้วยค่ะ ว่ามีกรดมากน้อยแค่ใหน ถ้ามีกรดมาก รสชาติก็จะแปล๋นหน่อย เพราะฉนั้นต้องต้มนานๆ และถ้ามีเวลามากก็พยายามเอาเมล็ดออกก่อนต้มได้ก็จะดี (เนื้อส่วนเมล็ดที่เป็นวุ้นๆน่ะค่ะ วุ้นที่หุ้มเมล็ดอยู่ นั้นคือส่วนที่ทำให้เหม็นหืน) หากสามารถเอาเมล็ดออกได้ทั้งหมด ก็จะลดกรดในมะเขือเทศลงได้

ต้องทำบ้างแล้วใช้ไฟประมาณไหนในการต้มค่ะ

ใช้ไฟปานกลางค่ะ อย่าใช้ไฟแรงมาก เพราะถ้าเดือดพล่านแล้วเดี่ยวเนื้อมะเขือเทศมันจะกระเด็นมาโดนแขนเอา เดี่ยวแขนพอง ไม่สวย อิอิ

ว่าแล้วก็ต้องบุ๊คมาร์คไว้ พร้อมโหวต  ขอบคุณมากค่ะ คุณอ๊อด

ถ้าจะให้ดีต้องลองทำ ลองชิมฝีมือตัวเองทำดูก่อนค่ะ มันเป็นอีกวิธีนึงที่เราจะทานมะเขือเทศแล้วได้สารไลโคปีน และธาตุเหล็กสูง ต้านอนุมูลอิสระได้มากโขอยู่นะค่ะ ลองหาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมทางเน็ตดูค่ะ ประโยชน์เยอะมาก

ของดีแบบนี้ต้องโหวต แล้วก็จดสูตรไปทำด้วย :uhuhuh: น่ากินมาก

"ความสุขของชีวิตในวันนี้ คือทำตามวิถีพอเพียงของพ่อ"

หน้า